จากบทสนทนาในตอนก่อน หลังเราได้ทำความรู้จักกับหลักปรัชญาการทำงานของ FIBO Technovation ที่มุ่งมั่นสร้างหุ่นยนต์ให้ “ใช้ได้ในสนามจริง” พร้อมทั้งได้รู้จัก TRL ตัวชี้วัดอันเป็นเคล็ดลับความสำเร็จขององค์กร ซึ่งช่วยขับเคลื่อนเทคโนโลยีไทยให้ก้าวทันโลกอยู่เสมอ ในบทสัมภาษณ์นี้เราจะมาร่วมสำรวจทิศทางของวิทยาการหุ่นยนต์ในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้ เมื่อเทคโนโลยีฮิวแมนนอยด์กำลังก้าวข้ามขีดจำกัด เปลี่ยนจากเครื่องจักรในบงการมาสู่สิ่งประดิษฐ์ที่มีพละกำลังและสติปัญญาเหนือกว่ามนุษย์ ผ่านมุมมองของอาจารย์บอย วุฒิชัย วิศาลคุณา ผู้มองเห็นโอกาสและความท้าทายแห่งยุคสมัยที่มนุษย์จำเป็นจะต้องอาศัยอยู่ร่วมกับหุ่นยนต์
ปัจจุบันกระแสวิทยาการหุ่นยนต์กำลังมุ่งเน้นไปด้านใด
อาจารย์บอยกล่าวว่าขณะนี้กระแสวิทยาการหุ่นยนต์กำลังมุ่งเน้นไปด้านอุตสาหกรรมและด้านคุณภาพชีวิต โดยในด้านคุณภาพชีวิตได้แก่เทคโนโลยี หุ่นยนต์เชิงปัญญา (Cognitive Robot) หรือผู้ช่วยอัจฉริยะที่มีบทบาทใกล้ตัวคนทั่วไป เช่น Siri, Alexa, และ Google Assistant กับ หุ่นยนต์กายภาพ (Physical Robot) หรืออุปกรณ์บ้านอัจฉริยะ เช่น หุ่นยนต์ดูดฝุ่น หุ่นยนต์ดูแลสวน ส่วนในภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทย อาจารย์บอยกล่าวว่า กำลังมุ่งหน้าไปสู่ อุตสาหกรรมยุค 4.0 ตามนโยบายรัฐ และ 5.0 ในอนาคต
“เมื่อก่อนโรงงานจะแยกส่วนการทำงาน แต่ยุค 4.0 จะเชื่อมต่อกันเป็นระบบอัตโนมัติ ใช้แรงงานคนน้อยลงมาก และนอกจากมีการทำงานแบบอัตโนมัติแล้ว ยังมีข้อมูลที่ส่งกลับมาวิเคราะห์ได้หลายอย่าง เช่นเกิดปัญหาคอขวดตรงไหน วันนี้ผลิตได้เท่าไหร่ เราจะรู้ได้ทันที เหมือนเราจับตาดูกระบวนการผลิตอยู่ตลอดเวลา รวมถึงประสิทธิภาพในการผลิตก็ต่อเนื่อง ไม่ติดขัด นี่คือเป้าหมายของ 4.0”
ข้อแตกต่างระหว่าง 4.0 กับ 5.0
“ประเทศไทยเน้นไปที่ 4.0 ส่วน 5.0 ยังใหม่มาก ในต่างประเทศต้องใช้เวลาอีกหนึ่งถึงสองปี เมืองไทยน่าจะอีกสักระยะ โดยนิยามที่พูดกันคือ 5.0 ไม่ได้มาทำลาย 4.0 แต่เข้ามาเสริมด้วยหลักการที่ให้มนุษย์เป็นจุดศูนย์กลาง ทำหน้าที่คิด สร้างสรรค์ ตัดสินใจมากขึ้น และงานที่ต้องปฏิบัติซ้ำเป็นกิจวัตรจะให้หุ่นยนต์ทำ”
ในฟากปัญญาประดิษฐ์ยังมีคำถามว่ามนุษย์จะถูกปัญญาประดิษฐ์แย่งงานหรือไม่ แต่ในทางระบบอัตโนมัติ เทคโนโลยีนี้ได้เข้ามาแทนแรงงานมนุษย์ไปเรียบร้อยแล้ว?
“ใช่ครับ”
แล้วแรงงานมนุษย์ที่ถูกทดแทนหายไปไหน
อาจารย์บอยกล่าวว่า ระบบอัตโนมัติส่งผลโดยตรงต่อจำนวนพนักงานในองค์กร ดังนั้น บางครั้งเมื่อฟีโบ้เข้าไปปรับปรุงกระบวนการการทำงานให้ภาคเอกชนจึงอาจเกิดความขัดแย้งขึ้นได้ เนื่องจากแรงงานกังวลว่าจะสูญเสียงาน เป็นเหตุให้ตนมักเริ่มต้นด้วยการถามผู้บริหารก่อนว่า “หากลดจำนวนพนักงานลง แล้วพนักงานเหล่านั้นจะไปอยู่ตรงไหน ซึ่งผู้บริหารเกือบทั้งหมดจะตอบว่ามีการย้ายไปทำหน้าที่อื่น เพราะโดยทั่วไป การนำระบบอัตโนมัติมาใช้มักไม่ครอบคลุมทั้งสายการผลิต ยังมีบางส่วนที่จำเป็นต้องใช้แรงงานมนุษย์อยู่” และอีกแนวทางหนึ่งที่ใช้ควบคู่กันคือ “การไม่รับพนักงานเพิ่ม” ซึ่งช่วยลดแรงกระทบและหลีกเลี่ยงการปลดคนออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม แม้การปรับใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต แต่ในภาพรวมจำนวนงานและการจ้างงานยังมีแนวโน้มลดลง “ซึ่งภาครัฐรับรู้ถึงปัญหานี้ และพยายามพัฒนาแรงงานให้มีทักษะใหม่ เพื่อปรับบทบาทจากผู้ปฏิบัติให้กลายเป็นผู้ควบคุมและตัดสินใจในระบบอัตโนมัติหรือเทคโนโลยีต่าง ๆ"
เครื่องจักรแย่งงานคน แต่ภาคการผลิตยังคงขาดแคลนแรงงาน?
การที่ประเทศไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (มีผู้สูงอายุมากกว่า 20% ของจำนวนประชากรทั้งประเทศ) ส่งผลให้แรงงานวัยทำงานลดลงจนเกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ขณะเดียวกันระดับการศึกษาที่สูงขึ้นยังทำให้คนไทยมีทางเลือกในการประกอบอาชีพมากขึ้น งานบางประเภทจึงต้องนำแรงงานต่างด้าวเข้ามาทดแทน
อาจารย์บอยเล็งเห็นแนวโน้มของปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมา จึงเริ่มเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับ “หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์” เพื่อให้สังคมไทยรู้จักและเข้าใจศักยภาพของเทคโนโลยีดังกล่าว ผ่านการบรรยายและสาธิตในงานต่าง ๆ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี และกลายเป็นแรงผลักดันให้หน่วยงานรวมถึงมหาวิทยาลัยหลายแห่งหันมาสนใจการพัฒนาหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์มากขึ้น
ฟีโบ้ถือเป็นหนึ่งในองค์กรแรก ๆ ที่เริ่มบุกเบิกแนวทางนี้ ด้วยการพัฒนา “หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์” และ “แพลตฟอร์มฮิวแมนนอยด์” ของประเทศไทย “เพื่อวางรากฐานให้ประเทศสามารถสร้างและใช้เทคโนโลยีนี้ได้ด้วยตนเอง”
เหตุใดฮิวแมนนอยด์จึงเป็นเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์
“ทุกสิ่งในสังคมมนุษย์ถูกออกแบบขึ้นเพื่อมนุษย์เป็นหลัก ดังนั้น ฮิวแมนนอยด์ หรือหุ่นยนต์ที่มีรูปร่างและการเคลื่อนไหวคล้ายมนุษย์ จึงสามารถเข้ามาทำงานเคียงข้างหรือทดแทนมนุษย์ได้โดยไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเดิม”
นอกจากนี้ อาจารย์บอยมองว่า ฮิวแมนนอยด์จะมีบทบาทสำคัญในการแก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานของประเทศ แต่ต้องให้เวลาอีกอย่างน้อยสองปี เทคโนโลยีนี้จึงจะพัฒนาถึงจุดที่พร้อมใช้งานจริง เพราะปัจจุบัน ความสามารถของหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์จากบริษัทชั้นนำยังอยู่ที่ราว 60–70% โดยข้อจำกัดหลักเป็นเรื่องความเร็วในการเคลื่อนไหว ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ทำไม่ได้ แต่อยู่ระหว่างการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ว่าด้วยฮิวแมนนอยด์และแพลตฟอร์มฮิวแมนนอยด์
มองจากภายนอก ฮิวแมนนอยด์อาจดูเหมือนหุ่นยนต์ทั่วไป แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นคือ “ทักษะ” ที่บรรจุไว้ภายใน “สมัยก่อน การเขียนโปรแกรมเพื่อใส่ทักษะให้หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์เป็นงานที่ยากมาก แต่ปัจจุบันเราจะทำแพลตฟอร์มหนึ่งขึ้นมา ไว้เก็บทักษะต่าง ๆ” ยกตัวอย่างอุตสาหกรรมสิ่งทอ “หากใครมีธุรกิจเย็บผ้าก็สามารถดาวน์โหลดทักษะการเย็บผ้าจากแพลตฟอร์มที่เราพัฒนาไปใส่ในหุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ของตนได้ทันที โดยที่หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์ไม่ต้องฝึกฝนทักษะด้วยตัวเองเช่นมนุษย์ และนี่จะช่วยลดระยะเวลา ซึ่งเราต้องการทำให้ประเทศไทยมองเห็นภาพนี้”
Minute Expert Tip
หากภาคธุรกิจต้องการเริ่มโครงการพัฒนาหุ่นยนต์ร่วมกับ FIBO Technovation เงื่อนไขหลักที่องค์กรต้องเตรียมพร้อมเพื่อให้โครงการประสบความสำเร็จมีอะไรบ้าง
ข้อแรก บริษัทควรต้องรู้ปัญหาหรืออุปสรรคของตัวเอง “โดยเลือกจุดที่เป็นปัญหาหลักหรือคอขวดหลัก เพื่อทลายจุดนั้น หากบริษัทรู้เพียงว่าอยากทำระบบอัตโนมัติ แต่ไม่รู้ควรทำตรงไหน ฟีโบ้จะต้องเข้าไปวิเคราะห์ให้” ซึ่งเป็นการเพิ่มขั้นตอนและระยะเวลา “จึงเป็นที่มาของข้อนี้ว่า บริษัทต้องรู้ก่อนว่าตรงไหนคือปัญหาจริง ๆ”
ข้อสอง อาจารย์บอยกล่าวว่าฟีโบ้ทุ่มเทกับทุกโครงการตามสัญญาที่ให้ไว้แก่พันธมิตร ดังนั้น ผู้บริหารของฝั่งเอกชนควรต้องลงมามีส่วนร่วมกับโครงการอย่างจริงจัง เพราะหากผู้บริหารไม่ลงมามีส่วนร่วม คณะทำงานของฝั่งเอกชนเองอาจขาดแรงจูงใจ ตรงกันข้าม การที่ผู้บริหารให้ความสำคัญกับโครงการ จะช่วยสร้างพลังขับเคลื่อนให้ทีมงานทั้งสองฝ่ายทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โอกาสที่มาพร้อมความท้าทาย
อาจารย์บอยนำเสนออีกแง่มุมของวิทยาการหุ่นยนต์ว่า อนาคต ฮิวแมนนอยด์จะเคลื่อนไหวได้ไม่ต่างจากมนุษย์ และหากดูคลิปวิดีโอที่หาได้ตามอินเทอร์เน็ตจะพบว่า ฮิวแมนนอยด์มีทักษะบางอย่างที่เก่งกว่าคนโดยเฉลี่ยไปแล้ว เช่น การตีลังกากลับหลัง (หรือแม้กระทั่งการเต้น) เช่นนั้น เมื่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เปลี่ยนผ่านไปสู่เทคโนโลยีระดับปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป (Artificial General Intelligence: AGI) ซึ่งสามารถคิด เรียนรู้ และประยุกต์ใช้ความรู้เพื่อสร้างสรรค์สิ่งใหม่ได้เหมือนมนุษย์ เมื่อถึงจุดนั้น มนุษย์จะอยู่ตรงไหน นี่คือโจทย์ที่ยังต้องขบคิดกันต่อ
“ยกตัวอย่างในภาคอุตสาหกรรม” ปัจจุบันมนุษย์ยังคงมีหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพของสินค้า โดยใช้กล้องตรวจหาแล้วหยิบแยกชิ้นงานที่มีตำหนิออกมา แต่ฮิวแมนนอยด์มีกล้องติดตั้งอยู่แล้ว เมื่อตรวจพบก็สามารถหยิบสินค้าที่มีตำหนิออกมาได้ทันที “ไม่รู้มนุษย์จะแข่งกับฮิวแมนนอยด์อย่างไร” อาจารย์บอยกล่าวว่า “เพราะด้านพละกำลัง ความแข็งแกร่ง ความเร็ว เราสู้ไม่ได้ ด้านสติปัญญาก็สู้ไม่ได้ มนุษย์เชี่ยวชาญความรู้อย่างลึกซึ้งแค่สองถึงสามด้าน” แต่ปัญญาประดิษฐ์มีคลังข้อมูลมหาศาล
แน่นอนว่าทิศทางการพัฒนาข้างต้นส่งผลให้เกิดแนวคิดอุตสาหกรรมยุค 5.0 คือ ให้มนุษย์ไปเป็นผู้ควบคุมเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม อาจารย์บอยมองว่า ในยุคนี้อาจทำได้ แต่ต่อไป เมื่อปัญญาประดิษฐ์คิดเองได้ ตัวปัญญาประดิษฐ์อาจตั้งคำถามว่าเหตุใดตนยังต้องรับใช้มนุษย์
ถึงจุดนั้น โลกย่อมต้องมีการกำหนด “นโยบายควบคุมชุดใหม่” เพื่อสร้างสมดุลระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยี อาจารย์บอยเน้นย้ำ สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้คือ “การรู้เท่าทัน” เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการรับรู้ข้อมูลไม่รอบด้าน เพราะอาจารย์คาดการณ์ว่า ภายในระยะเวลาไม่เกินห้าปี ปัญญาประดิษฐ์จะก้าวไปถึงจุดที่อาจชี้นำมนุษย์
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีอิทธิพลต่อภาคธุรกิจมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งมนุษย์ต้องเคลื่อนย้ายตัวเองไปทำงานในตำแหน่งอื่นซึ่งอาจแตกต่างจากเดิม ทักษะหรือกรอบแนวคิดใดคือสิ่งที่คนวัยทำงานควรเร่งพัฒนาเพื่อไม่ให้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
อาจารย์บอยกล่าวว่า “ในทีมของผม นอกจากพยายามอบรมทักษะความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง (Hard Skill) ที่จำเป็นต่อวิชาชีพ ผมจะส่งเสริมทักษะทางด้านอารมณ์และสังคม (Soft Skills) ซึ่งเขาจำเป็นต้องมีด้วย” โดยแนวคิดที่อาจารย์บอยมองว่าสำคัญมากคือ Growth Mindset
“อย่าเป็นน้ำเต็มแก้วหรือเข้าใจว่าเราเก่งมาก ผมพยายามบอกตัวเองอยู่เสมอว่าต้องพยายามฟังคนอื่นให้มาก การที่เราไม่เปิดรับ ไม่พัฒนา ถือว่าเราถอยหลังแล้ว เพราะผู้คนเขาเดินไปข้างหน้าตลอด ยิ่งในยุคปัญญาประดิษฐ์ เขาไม่ใช่แค่เดินหน้า เขาวิ่งด้วย ดังนั้นการพัฒนาตัวเองและการเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาจึงสำคัญ เพราะคนเราเมื่อมีอายุถึงจุดหนึ่ง ผมเห็นว่าส่วนใหญ่จะเป็นเกือบทุกคน คือเราจะเริ่มใช้ประสบการณ์เก่าในการทำงาน ซึ่งเป็นจุดที่เริ่มน่ากังวล เพราะเท่ากับเราจะหยุดเรียนรู้”
แล้วอะไรที่ทำให้อาจารย์ไม่ติดหล่มดังกล่าว
อาจารย์บอยตอบว่าเพราะตนมีความสุขและเพลิดเพลินที่ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ “อยากจะเข้าไปศึกษา ซึ่งนักวิจัยส่วนใหญ่อาจมีบุคลิกแบบนี้ แม้ว่าตอนนี้เป็นผู้บริหาร แต่ผมยังรู้สึกอยากจะลงไปดูรายละเอียด อยากเขียนโค้ดด้วยตัวเอง เพราะว่าน่าสนุกมาก พอเห็นว่าปัญญาประดิษฐ์ทำได้ขนาดนี้ก็อยากจะทำบ้าง” แต่ด้วยภาระงานที่มาก จึงต้องวางแผนให้คณะทำงานเป็นผู้ดำเนินการแทน
ในฐานะผู้สร้างที่รู้ถึงศักยภาพของฮิวแมนนอยด์ อาจารย์กลัวหรือกังวลต่อความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหรือไม่
อาจารย์บอยกล่าวว่า “ไม่ถึงกับกลัวหรือกังวลต่อความเปลี่ยนแปลงนี้” เพราะในทางเทคนิคมีวิทยาการที่เรียกว่า Explainable AI (XAI) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ที่อธิบายได้
“เนื่องจากปัญญาประดิษฐ์ในปัจจุบันเป็นเหมือนกล่องดำ แม้กระทั่งนักพัฒนาเองก็ไม่ทราบว่าข้างในคืออะไร ศาสตร์นี้จึงเกิดขึ้นมาเพื่อตอบคำถามว่าปัญญาประดิษฐ์คิดอะไร คิดอย่างไร เราจะสามารถรู้ตรรกะข้างในของมัน แม้ปัจจุบันมนุษย์ยังไม่สามารถเข้าใจทั้งหมด แต่ภายภาคหน้า XAI จะทำให้เราสืบเสาะได้ว่าปัญญาประดิษฐ์คิดอย่างที่คิดอยู่เพราะอะไร”
เพื่อให้มนุษย์สามารถตรวจสอบ แก้ไข และควบคุมการทำงานของหุ่นยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงจากการทำงานผิดพลาดหรืออคติที่ซ่อนอยู่ในระบบ อีกทั้งยังช่วยสร้างความเชื่อมั่นระหว่างคนกับเทคโนโลยีให้ตั้งวางบนพื้นฐานของความเข้าใจมากกว่าความหวาดกลัว นำไปสู่การอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์อย่างปลอดภัยและยั่งยืน...
แม้ภาพของหุ่นยนต์ที่มีสติปัญญาเทียบเท่ามนุษย์อาจชวนให้บางคนรู้สึกหวั่นใจ แต่ในมุมมองของอาจารย์บอย ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีไม่ได้หมายถึงการลบล้างมนุษย์ออกจากแผนที่โลก หากแต่เป็นโอกาสในการยกระดับคุณภาพชีวิตและศักยภาพของสังคมให้ดีขึ้นได้ เมื่อเราเข้าใจและรู้ให้เท่าทัน
จากหุ่นยนต์ที่เคยเป็นเพียงเครื่องจักรในโรงงาน สู่ฮิวแมนนอยด์ที่เราอาจได้เห็นมันเดินอยู่ตามท้องถนน ตอนต่อไปของการสนทนา อาจารย์บอยจะบอกเล่าให้เราได้รู้จักอีกด้านหนึ่งของเทคโนโลยีนี้ ที่อบอุ่น อ่อนโยน และมีหัวใจ กับบทบาทของวิทยาการหุ่นยนต์อันเป็นผลงานที่จับต้องได้ ในการช่วยเหลือผู้คนและสังคม เพื่อคลายความกังวล และทำให้เราเชื่อมั่นได้ว่า มนุษย์กับเครื่องจักร จะสามารถเติบโตไปด้วยกัน
อ้างอิง
- ไทยรัฐออนไลน์. (2567, 8 กุมภาพันธ์). ทำไมไทยขาดแรงงาน ทั้งที่มีคนตกงานเกือบ 4 แสนคน. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2568, จาก https://www.thairath.co.th/money/economics/thai_economics/2761567
- Bangkok Bank InnoHub. (2565, 12 กันยายน). ทำความรู้จักเทคโนโลยี Explainable AI (XAI) : ปัญญาประดิษฐ์ที่อธิบายได้. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2568, จาก https://www.bangkokbankinnohub.com/what-is-explainable-artificial-intelligence/
- Amazon Web Services. (ม.ป.ป.). AGI (ปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป) คืออะไร. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2568, จาก https://aws.amazon.com/th/what-is/artificial-general-intelligence/
- องค์การสหประชาชาติ คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก. (2565). รายงานผู้สูงอายุในเอเชียและแปซิฟิก พ.ศ. 2565. สืบค้นเมื่อ 29 ตุลาคม 2568 จาก https://www.unescap.org/sites/default/d8files/knowledge-products/AP-Ageing-2022-report.pdf
Categories
Hashtags