ต่อจากบทความ พลิกวิกฤติเป็นโอกาสด้วยการบริหารความเสี่ยง ในบทสัมภาษณ์นี้เราจะมาสนทนากับนักบริหารความเสี่ยงมืออาชีพ ผศ.ดร.ปฏิภาณ แซ่หลิ่ม ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายบริหารความเสี่ยงและสื่อสารยุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) เพื่อสำรวจมุมมอง องค์ความรู้ และประสบการณ์ตรงของผู้เชี่ยวชาญที่จะมาขยายเส้นขอบฟ้าความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการจัดการความเสี่ยงของเราให้กว้างไกล โดยไล่ตั้งแต่ระดับโลก องค์กร กระทั่งถึงตัวบุคคล ซึ่งแต่ละหน่วยนั้นต่างก็เชื่อมโยงสัมพันธ์กันอย่างไม่อาจแยกขาด
จุดเริ่มต้นของการมาเป็นนักบริหารความเสี่ยง
ผศ.ดร.ปฏิภาณ แซ่หลิ่ม หรือ อาจารย์หน่ง กล่าวอย่างเปิดใจว่า แม้ปัจจุบันท่านจะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารความเสี่ยง กระนั้น ท่านไม่ได้คิดฝันหรือต้องการทำงานสายอาชีพนักบริหารความเสี่ยงมาตั้งแต่ต้น อาจารย์หน่งเริ่มต้นงานแรกด้วยการเป็นโปรแกรมเมอร์ (เนื่องจากเรียนด้าน Full Stack Developer มาโดยตรง) แต่ปรากฏว่าไม่ชอบ
ท่านจึงย้ายมาสู่สายงานการบริหารความเสี่ยง โดยอาศัยพื้นฐานความรู้ด้านแบบจำลองคณิตศาสตร์ที่เล่าเรียนมาทั้งในระดับปริญญาตรีและปริญญาโท ซึ่งช่วงแรกของชีวิตการเป็นนักบริหารความเสี่ยงนั้น เกิดสถานการณ์ทางการเมืองขึ้นในประเทศไทย บทบาทของฝ่ายบริหารความเสี่ยงประจำองค์กรจึงยกระดับความสำคัญมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้อาจารย์หน่งมีโอกาสแสดงศักยภาพด้วยการวิเคราะห์สถานการณ์และสื่อสารเชิงกลยุทธ์กับผู้บริหารระดับสูง ผลของการปฏิบัติงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้อาจารย์หน่งได้รับคำชื่นชมจากเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา และทำให้ท่านมองเห็นว่า งานที่ผสานทั้งข้อมูลและศิลปะแห่งการสื่อสารเข้าด้วยกัน คือสายงานที่สอดคล้องกับธรรมชาติของท่านอย่างแท้จริง
อาจารย์หน่งให้คำแนะนำจากประสบการณ์ส่วนตัวว่า ใครก็ตามที่เพิ่งสำเร็จการศึกษา ควรเปิดโอกาสให้ตนเองได้ลองปฏิบัติงานต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด จนถึงช่วงเวลาหนึ่ง “เราอาจจะยังไม่รู้ว่าชอบอะไรในวันนี้ แต่เราจะกลั่นกรองสิ่งที่ไม่ชอบออกไปได้”
จุดเปลี่ยนสำคัญ จากนักบริหารสู่อาจารย์ผู้ถ่ายทอดความรู้
จวบจนปัจจุบันอาจารย์หน่งสั่งสมประสบการณ์เกือบยี่สิบปีในฐานะนักบริหารความเสี่ยง จากการทำงานร่วมกับหลากหลายองค์กร ตั้งแต่สถาบันการเงินขนาดใหญ่ ภาคธุรกิจโทรคมนาคม ไปจนถึงสถาบันทางการแพทย์ และหนึ่งในภารกิจสำคัญของท่านคือการสร้าง “วัฒนธรรมความเสี่ยงองค์กร” ผ่านการบรรยายถ่ายทอดความรู้ให้แก่หน่วยงานต่าง ๆ โดยระหว่างการทำงานนั้นเอง อาจารย์หน่งได้รับเสียงสะท้อนจากผู้คนรอบข้างอยู่เสมอว่า ท่านมีความสามารถในการอธิบายเรื่องยากให้เข้าใจง่าย ซึ่งหากมองย้อนกลับไป นี่ถือเป็นทักษะที่ท่านมีมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่ครั้งยังเรียนอยู่เพียงระดับชั้นมัธยมศึกษา ที่ท่านหารายได้เสริมด้วยการเป็นครูสอนพิเศษวิชาคณิตศาสตร์
อาจารย์หน่งกล่าวว่า คำชื่นชมเหล่านี้มีส่วนสนับสนุนให้ท่านเริ่มสนใจบทบาทของอาจารย์ผู้ถ่ายทอดความรู้ จนเวลาต่อมา ท่านได้เข้าศึกษาในระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิต การบริหารการพัฒนา สาขาการจัดการ (หลักสูตรนานาชาติ) สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) และบรรลุเป้าหมายตามตั้งใจ ด้วยการเข้ามาเป็นอาจารย์ประจำบัณฑิตวิทยาลัยการจัดการและนวัตกรรม (GMI) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
นักบริหารความเสี่ยงคือต้นหนผู้พาองค์กรฝ่าคลื่นลมอันตราย
อาจารย์หน่งอธิบายความหมายของนักบริหารความเสี่ยงด้วยการเปรียบเทียบให้เห็นเป็นรูปธรรมว่า แต่ละองค์กรเหมือนเรือหนึ่งลำที่กำลังแล่นไปยังจุดหมาย และในระหว่างการเดินทางย่อมมีเหตุการณ์หลากหลายรูปแบบเกิดขึ้นมาขัดขวางไม่ให้เรือเดินทางไปถึงฝั่ง นักบริหารความเสี่ยงคือต้นหนที่จะช่วยอำนวยให้เรือลำนั้นฝ่าคลื่นลมได้อย่างปลอดภัย โดยหน้าที่ของนักบริหารความเสี่ยงแบ่งออกเป็น 2 บทบาทหลัก ได้แก่
1.บทบาทผู้ดำเนินการโดยตรง (Direct Role):
กรณีตรวจพบความเสี่ยง เช่น ความเสี่ยงทางการเงินในองค์กร นักบริหารความเสี่ยงจะเข้าไปพูดคุยกับประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน เพื่อรวบรวมข้อมูล ก่อนนำมาวิเคราะห์และคาดคะเนความเสี่ยงด้วยตนเอง รวมถึงเสนอแนวทางจัดการความเสี่ยงในเชิงลึก
2. บทบาทกระบวนกร (Facilitator Role):
กรณีตรวจพบความเสี่ยง เช่น ความเสี่ยงทางการเงินในองค์กร นักบริหารความเสี่ยงจะทำหน้าที่สนับสนุนหรืออำนวยให้ฝ่ายการเงินเป็นผู้ริเริ่มกระบวนการบริหารความเสี่ยงด้วยตนเอง โดยให้คำแนะนำ จัดหาเครื่องมือ และติดตามการดำเนินงาน เพื่อส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยงในหน่วยงานอย่างยั่งยืน
หัวใจของการเป็นนักบริหารความเสี่ยง
อาจารย์หน่งกล่าวว่า คุณลักษณะสำคัญที่ทำให้นักบริหารความเสี่ยงปฏิบัติงานได้ประสบความสำเร็จ “เกิดจากการอ่านมาก เขียนมาก” เพราะปัจจุบัน แนวทางการวิเคราะห์ความเสี่ยงอาศัยข้อมูลในตัดสินใจ (Data Driven) และมีพื้นฐานอยู่บนเหตุการณ์เชิงประจักษ์ ไม่ใช่ทัศนคติส่วนบุคคล
3 คำที่ต้องรู้
ความเสี่ยง ปัญหา วิกฤต คือสามคำที่ผู้คนอาจใช้แทนกันในชีวิตประจำวัน แต่อาจารย์หน่งได้อธิบายว่า สำหรับนักบริหารความเสี่ยง คำทั้งสามมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน
1. ความเสี่ยง (Risk) คือสิ่งที่ยังไม่เกิด เราต้องมองไปข้างหน้า และพยายามป้องกันไม่ให้เกิด
2. ปัญหา (Problem) คือสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ส่งผลกระทบแต่ยังจัดการได้ องค์กรดำเนินงานได้
3. วิกฤต (Crisis) คือความเสี่ยงที่รุนแรงมาก เกิดขึ้นไม่บ่อย แต่หากเกิดขึ้นจะสร้างความเสียหายมหาศาล ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับทฤษฎี Black Swan
ทฤษฎี The Black Swan
แนวคิดนี้นำเสนอโดย นัสซิม นิโคลัส ทาเล็บ (Nassim Nicholas Taleb) อธิบายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดมาก่อน (Unpredictable) แต่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงในวงกว้าง และภายหลังเมื่อผู้คนมองย้อนกลับไปมักเชื่อว่าควรจะคาดเดาได้ ทั้งที่ในความเป็นจริงเหตุการณ์เหล่านั้นไม่อาจคาดการณ์ล่วงหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 (COVID-19)
เมื่อเริ่มต้นการระบาดในปลายปี 2019 แทบไม่มีใครคาดคิดว่าโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจากไวรัสชนิดหนึ่งจะลุกลามจนกลายเป็น การระบาดใหญ่ระดับโลก (pandemic) ที่ทำให้เมืองทั้งเมืองต้องล็อกดาวน์ และรูปแบบการดำเนินชีวิตถูกบังคับให้เปลี่ยนไปในเวลาอันสั้น นี่คือผลกระทบที่รุนแรงและกว้างขวางอย่างมหาศาล แต่ในช่วงก่อนเกิดเหตุ ไม่มีแบบจำลองหรือแผนของรัฐและธุรกิจที่คาดการณ์ ขนาดและความเร็วของผลกระทบได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การทำความเข้าใจทฤษฎี The Black Swan มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อศาสตร์การบริหารความเสี่ยง (Risk Management) เพราะชี้ให้เห็นข้อจำกัดของแบบจำลองและข้อมูลในโลกจริง พร้อมกระตุ้นให้องค์กรพัฒนาความยืดหยุ่น (Resilience) และความพร้อมในการฟื้นตัว (Recovery Capability) เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือการคาดหมายอย่างเป็นระบบและยั่งยืน
อ้างอิง
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร. (2567). Full Stack Developer. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2568 จาก https://mut.ac.th/full-stack-developer/
- บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน). (2568). วัฒนธรรมการบริหารความเสี่ยง. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2568 จาก https://sustainability.pttgcgroup.com/th/economy/risk-and-crisis-management/risk-culture
- บริษัท ดิทโต้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน). (2567). Data Driven กลยุทธ์ขับเคลื่อนองค์กรด้วย Data เพื่อความก้าวหน้าทางธุรกิจ. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2568 จาก https://www.dittothailand.com/th/dittonews/what-is-data-driven/
- ลงทุนแมน. (2562). ทฤษฎี Black Swan สิ่งที่เราไม่เคยเจอ ไม่ได้แปลว่าไม่มี. สืบค้นเมื่อ 10 พฤศจิกายน 2568 จาก https://www.longtunman.com/17469
Categories
Hashtags