การพัฒนาน้ำมันประกอบอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะแนวทางการสกัดแบบสีเขียวที่ลดการใช้สารทำละลายสังเคราะห์ น้ำมันหมูเป็นวัตถุดิบไขมันสัตว์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมอาหาร แต่มีปริมาณกรดไขมันอิ่มตัว (SFA) สูง ซึ่งสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ขณะที่น้ำมันงาเป็นแหล่งของกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง (PUFA) และสารออกฤทธิ์ชีวภาพที่มีบทบาทในการต้านอนุมูลอิสระ
ด้วยเหตุนี้ การใช้วิธีโค-เรนเดอริง (co-rendering) ระหว่างมันหมูและเมล็ดงาจึงเป็นแนวทางที่น่าสนใจในการเพิ่มคุณภาพทางโภชนาการของน้ำมันหมู โดยใช้ไขมันสัตว์เป็นตัวทำละลายเชิงสีเขียวในการสกัดน้ำมันงาในสภาวะอุณหภูมิสูง กระบวนการดังกล่าวไม่เพียงช่วยปรับปรุงองค์ประกอบกรดไขมัน แต่ยังเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระและความเสถียรต่อการเกิดออกซิเดชันของน้ำมันที่ได้
SESAME SEED OIL คือ เป็นน้ำมันที่สกัดได้จากเมล็ดของต้นงา (Sesamum Indicum) เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดในแอฟริกาตะวันออกและแถบประเทศอินเดีย ซึ่งในเมล็ดงามีน้ำมันสูงถึง 35-57% มีบันทึกประโยชน์ของน้ำมันชนิดนี้ในตำราอายุรเวทของอินเดียและตำรายาของจีน มีสรรพคุณต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และเชื้อไวรัส ด้วยความมากสรรพคุณเหล่านี้ทำให้น้ำมันชนิดนี้มีฉายาว่า ราชินีแห่งน้ำมัน
งา (Sesame) คือ เมล็ดพืชเล็กๆ ที่ได้จากต้นงา (Sesamum indicum) ซึ่งเป็นพืชล้มลุกในตระกูล Pedaliaceae ลักษณะของต้นงา เป็นพืชล้มลุกที่มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร มีดอกสีขาว หรือสีชมพู เป็นพืชที่ปลูกในหลายภูมิภาคของโลก โดยเฉพาะในเขตร้อน และกึ่งเขตร้อน
ส่วนผลเป็นฝักจะบรรจุเมล็ดงาเล็กๆ ภายใน โดยเมล็ดงามีหลากหลายสี เช่น สีขาว สีดำ และสีน้ำตาล แต่ละสีจะขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ที่ปลูก
เมล็ดงามีคุณค่าทางโภชนาการสูง และนิยมใช้ในอาหารหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการสกัดเป็นน้ำมันงาที่มีคุณสมบัติเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ สามารถนำไปทำได้หลากหลายเมนู
นอกจากนี้งายังถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และยาสมุนไพร เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดีต่อสุขภาพผิวพรรณ และเส้นผมอีกด้วย

ประโยชน์ของงา
1.บำรุงกระดูก และฟัน : ทั้งงาขาว และงาดำอุดมไปด้วยแคลเซียม ที่ช่วยเสริมสร้างกระดูก และฟันให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน และเสริมความหนาแน่นของกระดูกในระยะยาว
2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน : ในงามีธาตุ สังกะสี (Zinc) ซึ่งช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน และเพิ่มการตอบสนองต่อการติดเชื้อต่าง ๆ ทั้งยังช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันโรคต่าง ๆ ที่เกิดจากการติดเชื้อ
3. บำรุงผิวพรรณและลดริ้วรอย : งาช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณดูสดใส ลดการเกิดริ้วรอย ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว ลดการอักเสบของผิว และปกป้องผิวจากแสงแดด
4. บำรุงเส้นผม : ทั้งงาขาว และดำ ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังหนังศีรษะ ซึ่งมีผลต่อการเจริญเติบโตของเส้นผมช่วยลดปัญหาผมร่วง บำรุงเส้นผมให้แข็งแรง
5.ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ : ทั้ง 2 งามีกรดไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งเป็นไขมันดี ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด
6.ช่วยเรื่องย่อยอาหาร : เนื่องจากงาทั้งสองชนิดมีไฟเบอร์สูง ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ป้องกันอาการท้องผูกและเพิ่มการขับถ่ายช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหาร
7.ปรับสมดุลน้ำตาลในเลือด : ในงามี แมกนีเซียม (Magnesium) ช่วยปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด ลดความเสี่ยงการเกิดโรคเบาหวาน และลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภทที่ 2 อีกด้วย
8.ต้านการอักเสบ : ในงาทั้งสองชนิดมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยลดอาการบวม และปวดจากโรคข้ออักเสบ และอาการอักเสบทั่วไป
9.มีสารต้านอนุมูลอิสระ : เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระ อย่าง เซซามิน และเซซาโมลิน ซึ่งช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหายของอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง และยังชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์
10.ลดความเครียดและปรับอารมณ์ : งาช่วยลดความเครียด และทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายช่วยปรับอารมณ์ ลดความวิตกกังวล และช่วยในการนอนหลับที่ดีขึ้น
บทความงานวิจัยเรื่อง “Novel Co-rendering Process for Enhancing Lard Quality-focusing on Oxidative Stability and Fatty Acid Composition of the Co-rendered Oils” ของ รศ.ดร. กรณ์กนก อายุสุข, ดร. พิราพร สมบัติสุวรรณ, ดร. ศลิษา ชุ่มสันเทียะ, อัครเดช นครเสด็จ, ลลิตา จิตหงษ์ทอง และอภิวัฒน์ จิรัฐติสกุล กลุ่มสาขาการวิจัยเชิงกลยุทธ์ : อาหารสำหรับอนาคต (เศรษฐกิจฐานชีวภาพ) สถาบันพัฒนาและฝึกอบรมโรงงานต้นแบบ (สรบ.) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยงานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่าการเคี่ยวร่วมระหว่างมันหมูและเมล็ดงาเป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพในการผลิตน้ำมันที่มีคุณภาพทางโภชนาการดีขึ้น โดยสัดส่วนเมล็ดงาที่เพิ่มขึ้นช่วยลดปริมาณกรดไขมันอิ่มตัว พร้อมทั้งเพิ่มระดับกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่งและสารออกฤทธิ์ชีวภาพ ส่งผลให้ดัชนีเสี่ยงต่อโรคหัวใจ (AI, TI) ลดลงอย่างชัดเจน อีกทั้งยังเพิ่มความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระและความเสถียรต่อการเกิดออกซิเดชันของน้ำมัน ผลลัพธ์ทั้งหมดอยู่ภายใต้มาตรฐาน Codex Alimentarius สะท้อนถึงความปลอดภัยและคุณภาพของผลิตภัณฑ์

Schematic representation of oil sample preparation via hot air rendering followed by mechanical screw pressing:(1)lard from pork fat,(2) sesame seed oil (SSO) from sesame seeds, and(3) co-rendered oil from the simultaneous corendering of pork fat and ground sesame seeds.
ผลการวิเคราะห์ PCA ยังชี้ว่าเนื้อหาของเมล็ดงาสัมพันธ์โดยตรงกับคุณลักษณะด้านสุขภาพของน้ำมัน ขณะที่ปริมาณไขมันหมูมีความสัมพันธ์กับผลผลิตน้ำมันที่สูงกว่า ข้อค้นพบเหล่านี้บ่งชี้ว่าน้ำมันโค-เรนเดอร์มีศักยภาพเป็นผลิตภัณฑ์ไขมันทางเลือกที่มีประโยชน์มากกว่าน้ำมันหมูที่ผลิตแบบดั้งเดิม ทั้งในแง่โภชนาการ ความเสถียร และคุณค่าด้านสารออกฤทธิ์ชีวภาพ จึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารที่มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ไขมันที่ดีต่อสุขภาพยิ่งขึ้น
เอกสารอ้างอิง
Jithongtong, L., Sombutsuwan, P., Chumsantea, S., Whangsomnuek, N., Nakornsadet, A., Lilitchan, S., Abbas Ali, M., & Aryusuk, K. (2025). Novel Co-rendering Process for Enhancing Lard Quality-focusing on Oxidative Stability and Fatty Acid Composition of the Co-rendered Oils. Journal of Oleo Science ( J. Oleo Sci.), 74 (8), 667-680. https://doi:10.5650/jos.ess25034
Ketody. (ม.ป.ป.). ไขความลับงาขาว งาดำ ต่างกันอย่างไร เผยเคล็ดลับสุขภาพกับสุดยอดเมล็ดจิ๋วต่างสี. https://ketody.com/blog/black-sesame-and-white-sesame/
The Myth. (เมษายน 2567). ประโยชน์ของน้ำมันงา-การบำรุงจากธรรมชาติ. https://www.themyth.co.th/sesame-seed-oil/
Categories
Hashtags