การจัดการของเสียจากการก่อสร้างและรื้อถอน : กรณีศึกษาบ้านไม้และบ้านคอนกรีตในประเทศไทย
Published: 21 March 2025
1 views

ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาการจัดการของเสียจากการก่อสร้างและรื้อถอนที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอาคารที่สร้างจากคอนกรีตและไม้ ซึ่งเป็นวัสดุก่อสร้างหลัก การเลือกใช้กลยุทธ์การจัดการ CDW ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและลดต้นทุนในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การนำแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนมาใช้ในการจัดการของเสียจากอุตสาหกรรมก่อสร้างยังต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้าน เช่น ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ต้นทุนตลอดวัฏจักรชีวิต และระดับการหมุนเวียนของวัสดุ

บทความงานวิจัยเรื่อง “Environmental sustainability and cost performances of construction and demolition waste management scenarios: A case study of timber and concrete houses in Thailand” ของ Prof.Dr.Shabbir H. Gheewala, Asst.Prof.Dr.Martin Schoch, ดร.ธภัทร ศิลาเลิศรักษา, คุณกิตติภัฎ ตัณทนาวิวัฒน์, และคุณปริยาภัทร นิลสลับ เป็นความร่วมมือระหว่าง บัณฑิตวิทยาลัยร่วมด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ ภาควิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม และคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี โดยงานวิจัยนี้กล่าวถึงการมุ่งเน้นการประเมินประสิทธิภาพของแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับการจัดการ CDW จากบ้านคอนกรีตและบ้านไม้ในประเทศไทย โดยเปรียบเทียบกับแนวทางการจัดการแบบดั้งเดิม (การฝังกลบ) ผ่านการใช้วิธี การประเมินวัฏจักรชีวิต (Life Cycle Assessment: LCA) และ การวิเคราะห์ต้นทุนวัฏจักรชีวิต (Life Cycle Costing: LCC) นอกจากนี้ยังมีการใช้ ดัชนีการหมุนเวียนของวัสดุ (Material Circularity Indicator: MCI) เพื่อวัดประสิทธิภาพของการใช้วัสดุในแต่ละแนวทาง การศึกษานี้จะช่วยให้เห็นถึงศักยภาพของเศรษฐกิจหมุนเวียนในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและปรับปรุงประสิทธิภาพด้านต้นทุนของการจัดการ CDW ในบริบทของประเทศไทย

เศรษฐกิจหมุนเวียน (CE) กำลังกลายเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการรับมือกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมสองประการในภาคการก่อสร้าง ได้แก่ การใช้ทรัพยากรอย่างเข้มข้นและการเกิดของเสียจากการก่อสร้างและรื้อถอน (CDW) ในปริมาณมาก การศึกษานี้ได้ประเมินหกสถานการณ์ของเศรษฐกิจหมุนเวียนสำหรับการจัดการของเสียจากบ้านคอนกรีตและบ้านไม้ในประเทศไทย เปรียบเทียบกับกรณีฐาน (ฝังกลบ) การประเมินวัฏจักรชีวิต (LCA) และการวิเคราะห์ต้นทุนวัฏจักรชีวิต (LCC) ถูกนำมาใช้เพื่อแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของกลยุทธ์ CE ต่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมและประสิทธิภาพด้านต้นทุน นอกจากนี้ ยังมีการประเมินดัชนีการหมุนเวียนของวัสดุ (MCI) เพื่อพิจารณาประสิทธิภาพการหมุนเวียนของการใช้วัสดุในแต่ละสถานการณ์ของ CE

ผลการศึกษาพบว่า สถานการณ์การรีไซเคิล 100% ช่วยลดผลกระทบด้านการขาดแคลนทรัพยากรแร่ธาตุได้ 124% และ 166–169% เมื่อเทียบกับการจัดการ CDW แบบดั้งเดิมสำหรับบ้านคอนกรีตและบ้านไม้ตามลำดับ สำหรับบ้านคอนกรีต สถานการณ์การรีไซเคิล 100% ให้ต้นทุนวัฏจักรชีวิตต่ำที่สุด (เมื่อนับรวมทั้งต้นทุนภายในและต้นทุนภายนอก) ในขณะที่สำหรับบ้านไม้ การรีไซเคิล 100% จะส่งผลให้ต้นทุนสูงที่สุด เนื่องจากต้นทุนด้านพลังงาน อย่างไรก็ตาม สำหรับบ้านไม้ สถานการณ์การนำพลังงานกลับมาใช้ใหม่ให้ค่าผลกระทบต่ำที่สุดในด้านภาวะโลกร้อน การเกิดโอโซน และความเป็นกรดของดิน

รูปจาก : https://www.sciencedirect.com/science/article/abs/pii/S0959652624000994

ต้นทุนภายในของการดำเนินมาตรการ CE สูงกว่าสำหรับบ้านไม้เมื่อเทียบกับบ้านคอนกรีต ค่า MCI สำหรับสถานการณ์การรีไซเคิล 100% อยู่ที่ประมาณ 0.55 อย่างไรก็ตาม หากอายุการใช้งานของวัสดุก่อสร้างยาวนานขึ้น ค่า MCI สามารถเพิ่มขึ้นเป็น 0.73 (บ้านไม้) และ 0.75 (บ้านคอนกรีต) ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าการบูรณาการแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในการจัดการของเสียจากการก่อสร้างและรื้อถอนสามารถสร้างประโยชน์ทั้งในด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมและประสิทธิภาพด้านต้นทุน

เพื่อให้การนำแนวทาง CE ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ควรมีการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชนในด้านนโยบาย โครงสร้างพื้นฐาน และแรงจูงใจทางเศรษฐกิจ เช่น การส่งเสริมตลาดสำหรับวัสดุรีไซเคิลและการกำหนดมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมสำหรับอุตสาหกรรมก่อสร้าง นอกจากนี้ ควรมีการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีการรีไซเคิลและการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างยั่งยืนในภาคการก่อสร้างและรื้อถอนต่อไป


เอกสารอ้างอิง

Tanthanawiwat, K., H. Gheewala, S., Nilsalab, P., Schoch, M., Silalertruksa, T. (2024). Environmental sustainability and cost performances of construction and demolition waste management scenarios: A case study of timber and concrete houses in Thailand. Journal of Cleaner Production, Vol.436. Retrieved from https://doi.org/10.1016/j.jclepro.2024.140652


Comments
To join the comment, please sign in.
Sign in
Don’t have an account? Register
Loading comments...