อนาคตของบริการสุขภาพ สู่ยุคการแพทย์ แบบ AI
Published: 11 March 2024
116 views

ปัญญาประดิษฐ์ หรือที่เราเรียกกันจนคุ้นชินว่า " AI " จะเข้ามาช่วยในด้านการแพทย์ได้อย่างไร เรามาหาคำตอบกัน


ในโลกปัจจุบันปัญญาประดิษฐ์(AI) เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของเราและมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้งานและด้านการสื่อสาร การศึกษา การผลิต การขนส่งและการจราจร การค้าขายและการบริการ และที่สำคัญมากที่สุดตอนนี้คือด้านการแพทย์และดูแลสุขภาพ ซึ่งในทางการแพทย์ ปัญญาประดิษฐ์เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมความสามารถให้แพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ในการวินิจฉัย รักษา และดูแลผู้ป่วย ได้รับข้อมูลจากระบบปัญญาประดิษฐ์ ที่มีความถูกต้องและความแม่นยำอย่างมีประสิทธิภาพและมีคุณภาพสูงขึ้น

โดยมีวัตถุประสงค์ในการจัดทำเรื่องปัญญาประดิษฐ์ ในทางการแพทย์ คือ การใช้งานปัญญาประดิษฐ์ในทางการแพทย์มีเป้าหมายหลักเพื่อปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพของการดูแลสุขภาพและการบริการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดความเสี่ยง และเพิ่มความเข้าใจในข้อมูลทางการแพทย์ได้อีกด้วย

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ย่อมาจาก Artificial Intelligence

ภาพ : Website Business Incubation Program

คือศาสตร์ที่รวบรวมองค์ความรู้ในหลายสาขาวิชา โดยเฉพาะทางด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ มาพัฒนาให้เครื่องจักรหรือระบบคอมพิวเตอร์มีความชาญฉลาด สามารถคิดวิเคราะห์ คำนวณ โดยใช้เหตุผลได้เหมือนสมองมนุษย์ สามารถเรียนรู้และพัฒนา ปรับปรุงกระบวนการทำงานเพื่อเพิ่มศักยภาพของปัญญาประดิษฐ์เองได้ โดยปัญญาประดิษฐ์ได้รับการพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน โดยทางการแพทย์ก็มีการใช้ปัญญาประดิษฐ์เข้ามา ในหลายแผนกของโรงพยาบาล ทั้งในแผนกผู้ป่วยนอก-ใน แผนกฉุกเฉิน หอผู้ป่วย หอผู้ป่วยวิกฤต และยังใช้ติดตามประเมินอาการผู้ป่วยที่บ้านผ่านระบบการสื่อสารแบบไร้สาย ทำให้เกิดความปลอดภัย คุณภาพการบริการที่ดีขึ้น ลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการบริการทางการแพทย์

ด้านแพทยศาสตร์ หรือด้านการแพทย์ (Medicine)

คือวิชาชีพที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัย รักษา และการป้องกันโรคและผู้ป่วย โดยใช้ความรู้และเทคโนโลยีทางการแพทย์ในการดำเนินงาน บทบาทหลักของแพทย์คือการดูแลสุขภาพของผู้ป่วย โดยมุ่งเน้นให้ผู้ป่วยมีสุขภาพที่ดีและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

การแพทย์มีหลายสาขา เช่น อายุรกรรม, จิตเวชศาสตร์, ศัลยกรรม, กุมารเวชศาสตร์, นิรุกติศาสตร์, วิทยาศาสตร์ชีวภาพ, และอื่นๆ โดยแต่ละสาขามีความเชื่อมโยงกันอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อให้บริการดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมและเหมาะสมที่สุดสำหรับผู้ป่วยในแต่ละกรณีนอกจากนี้ การแพทย์ยังเกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีและการรักษาโรคใหม่ๆ มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาอยู่ตลอดเวลาเพื่อให้การแพทย์เป็นไปตามความก้าวหน้าและความต้องการของสังคมในแต่ละยุค

โครงสร้างการให้บริการทางการแพทย์ในโรงพยาบาลแบบเดิม 

ภาพ : เว็บไซต์สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ

1. การลงทะเบียน ผู้ป่วยจะต้องลงทะเบียนที่จุดลงทะเบียนหรือแผนกบันทึกข้อมูลก่อนที่จะได้รับบริการทางการแพทย์ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับประวัติการรักษา ประวัติการแพ้ยา และข้อมูลส่วนตัวอื่น ๆ

2. การตรวจรักษาเบื้องต้น ผู้ป่วยจะถูกนำเข้าสู่ห้องตรวจเบื้องต้น โดยมีการตรวจอาการ วินิจฉัยโรค และการส่งต่อไปยังแพทย์ที่เหมาะสมสำหรับการรักษาเพิ่มเติม

3. การวินิจฉัยและการรักษา แพทย์จะดำเนินการตรวจรักษาเพิ่มเติม รวมถึงการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการหรือการฉีดยาตามความเหมาะสม และจะกำหนดระยะเวลาการรักษาต่อไปให้กับผู้ป่วย

4. การบันทึกข้อมูล ข้อมูลเกี่ยวกับการวินิจฉัย การรักษา และการสั่งยาจะถูกบันทึกลงในประวัติการรักษาของผู้ป่วย

5. การนัดหมายติดตาม แพทย์จะกำหนดนัดหมายติดตามเพื่อตรวจสอบความก้าวหน้าของการรักษา หรือส่งต่อไปยังแพทย์ที่เฉพาะทางสำหรับการรักษาเพิ่มเติม

6. การจ่ายยาและการจัดหาอุปกรณ์การแพทย์ หากมีความจำเป็น แพทย์จะสั่งให้จ่ายยาหรือสั่งหาอุปกรณ์การแพทย์ที่เหมาะสมสำหรับการรักษา

7. การจัดการผู้ป่วยนอก (OPD) ผู้ป่วยต้องการการรักษาต่อเนื่อง หรือการผ่าตัด มักจะมีกระบวนการและขั้นตอนเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการจัดการผู้ป่วยนอก

ซึ่งการให้บริการทางการแพทย์แบบเดิมนี้มักจะมีการดูแลและปฏิบัติงานโดยทีมแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขา เพื่อให้ ผู้ป่วยได้รับการรักษาที่มีคุณภาพและปลอดภัยซึ่งข้อมูลอาจจะมีคลาดเคลื่อน ผลออกมาไม่ชัดเจน ดำเนินการช้า จัดระบบผู้ป่วยนอก-ใน ได้ไม่ดีนัก

การพัฒนาของปัญญาประดิษฐ์กับการแพทย์

ปัญญาประดิษฐ์มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2499 ในการประชุมที่วิทยาลัยดาร์ทเมาท์ (Dart-mouth College) รัฐนิวแฮมเชียร์ ประเทศสหรัฐอเมริกา โดย หลังจากนั้นได้มีการพัฒนาการเรียนรู้ของเครื่อง (machine learning) ขึ้นในปี พ.ศ. 2523 และเกิดรูปแบบการเรียนรู้ผ่านเครือข่ายใยประสาทเทียม (Artificial neural network หรือ ANN) แบบเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ AI มีความสามารถในการคิดวิเคราะได้ใกล้เคียงสมองของมนุษย์และมีฉลาดขึ้น

ซึ่งการให้บริการของโรงพยาบาลส่วนใหญ่ยังไม่ได้ใช้ปัญญาประดิษฐ์ หรือหุ่นยนต์ทั้งหมดแบบเต็มรูปแบบ แต่มักมีการผสมผสานเทคโนโลยีที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาเพื่อเสริมสร้างประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการให้บริการ

ภาพ : เว็บไซต์เดลินิวส์ ออนไลน์

1. ระบบนัดหมายและการลงทะเบียน ระบบการนัดหมายออนไลน์หรือแอปพลิเคชันที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์สามารถช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถนัดหมายกับแพทย์และทำการลงทะเบียนก่อนมาถึงโรงพยาบาลได้

2. ระบบรอคิวและการจัดการสายตามความเร่งด่วน ระบบการรอคิวและการจัดการสายที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ สามารถคำนวณเวลารอและจัดเรียงลำดับการตรวจและรักษาของผู้ป่วยให้ประสิทธิภาพ

3. ระบบช่วยการวินิจฉัยและการรักษา ระบบที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาช่วยในการวินิจฉัยโรค อาจเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลจากรายงานการตรวจร่างกาย ระบบภาพการแพทย์ดิจิทัล

4. ระบบสารสนเทศทางการแพทย์ (Medical Informatics) ระบบที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ เข้ามาช่วยในการจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ 

5. ระบบการให้บริการลูกค้า (Customer Service) ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อให้ข้อมูลเบื้องต้น ตอบคำถาม หรือช่วยในการนัดหมายและแนะนำการใช้บริการของโรงพยาบาล

ซึ่งการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้ในโรงพยาบาลอาจมีประโยชน์ในการเพิ่มประสิทธิภาพของการให้บริการและลดความล่าช้าในกระบวนการทางการแพทย์ แต่การใช้งานนั้นยังต้องพิจารณาเป็นอย่างละเอียดเพื่อให้เหมาะสมและมีประสิทธิผลอย่างเหมาะสมในสถานการณ์

ฟีโบ้ มจธ. ร่วม บ.สตาร์ทอัพ ใช้ AI ปัญญาประดิษฐ์ช่วยตรวจจับโรคบนภาพเอกซเรย์ปอดได้ 8 สภาวะโรค ช่วยแพทย์และลดเหลื่อมล้ำ รพ.ขนาดเล็ก เริ่มใช้ต้นปี 64

โรคเกี่ยวกับปอด เช่น โรคมะเร็งปอด วัณโรค ปอดอักเสบ เป็นกลุ่มโรคที่ติดอันดับทำให้คนไทยเสียชีวิตมากที่สุด ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ป่วยโรคเหล่านี้จะได้รับการตรวจวินิจฉัยหรือพบโรคช้า ปัจจุบันการคัดกรองโรคด้วยภาพถ่ายเอกซเรย์ทรวงอกเป็นวิธีการที่สะดวก ต้นทุนถูก และปลอดภัยที่สุด แต่การที่จะวินิจฉัยโรคปอดจากภาพถ่ายเอกซเรย์ให้ได้ความแม่นยำสูงต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์รังสีวินิจฉัยเฉพาะทาง ซึ่งปัจจุบันขาดแคลนอย่างมาก ขณะเดียวกันโรงพยาบาลในต่างจังหวัดขนาดเล็กส่วนใหญ่ไม่มีแพทย์รังสี

ระบบ Inspectra CXR (อินสเป็คทรา ซีเอ็กซ์อาร์) ถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบโจทย์นี้ เป็นระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยเหลือแพทย์ตรวจจับความผิดปกติจากภาพถ่ายรังสีทรวงอก เพื่อให้ทุกคนสามารถเข้าถึงบริการเทียบเท่าของรังสีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทุกที่ ทุกเวลา แม้จะอยู่ในพื้นที่ห่างไกล

ดร.วราสิณี ฉายแสงมงคล อาจารย์ประจำสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (FIBO) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวว่า ระบบปัญญาประดิษฐ์ของอินสเป็คทรา ซีเอ็กซ์อาร์ สามารถคัดกรองความผิดปกติที่พบทั่วไปในภาพถ่ายรังสีทรวงอกได้ถึง 8 สภาวะ โดยแพทย์ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ผ่านหน้าจอของแพทย์โดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการทำงานเลย หรือสามารถเข้าถึงได้ผ่านเว็บแอปพลิเคชันบนมือถือ หรือ แท็ปเล็ตที่มีระบบการรักษาความปลอดภัยสูง ซึ่งจะทำให้โรงพยาบาลที่ขาดแคลนรังสีแพทย์สามารถเข้าถึงบริการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้มากขึ้น ช่วยให้มีโอกาสการตรวจพบความผิดปกติของปอดในระยะเริ่มต้นสูงมากขึ้น

             ภาพ : เว็บไซต์มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี

“ระบบปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ได้มาแทนแพทย์ แต่เป็นผู้ช่วยแพทย์ให้มีข้อมูลเพิ่มขึ้นในการตัดสินใจ การวินิจฉัยยังอยู่ที่แพทย์ แต่ AI จะช่วยแพทย์อ่านผลได้รวดเร็วขึ้น ลดการวินิจฉัยผิดพลาด และช่วยลดงานได้มาก”

ดร.วราสิณี กล่าว ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว เป็นความร่วมมือระหว่างสถาบันวิทยาการหุ่นยนต์ภาคสนาม (FIBO) มจธ. กับ บริษัท เพอเซ็ปทรา จำกัด บริษัทสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นผู้ลงทุนทำ Inspectra Cloud Platform เพื่อเชื่อมต่อกับโรงพยาบาลทั่วประเทศ โดยใช้เวลาในการพัฒนาระบบประมาณหนึ่งปีครึ่ง โดยโรงพยาบาลทั่วประเทศจะเริ่มใช้ระบบนี้ได้ในต้นปี 2564

ปัญญาประดิษฐ์ด้านการแพทย์มีความหมายและนำไปประยุกต์ใช้ยังไง?

โดย “ความหมาย” ของการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในด้านการแพทย์คือการใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อช่วยในกระบวนการทางการแพทย์ต่างๆ ซึ่งรวมถึงการวินิจฉัยโรค การคาดการณ์อาการของผู้ป่วย และการวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์ เพื่อช่วยให้ผู้ให้บริการทางการแพทย์สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สามารถนำมา “ประยุกต์ใช้” เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลทางการแพทย์เพื่อช่วยในการวินิจฉัยโรคหรือการจัดการผู้ป่วยในโรงพยาบาล ช่วยแพทย์ลดเวลาการวินิจฉัย เพิ่มประสิทธิภาพของการรักษาและความแม่นยำในการทำนายผลลัพธ์ทางการแพทย์ รวมถึงการนัดหมายและการลงทะเบียนออนไลน์ ระบบสารสนเทศทางการแพทย์ เสริมสร้างคุณภาพและประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีประโยชน์ในอนาคตได้ 

สรุปได้ว่า การใช้ปัญญาประดิษฐ์ในด้านการแพทย์มีประโยชน์มากมาย เช่น ช่วยในการวินิจฉัยโรค การดูแลสุขภาพส่วนบุคคล การสนับสนุนการตัดสินใจทางการแพทย์ การวิเคราะห์ข้อมูลและการคาดการณ์อาการของผู้ป่วย การทดสอบยาและการคัดแยกยา และการศึกษาและการวิจัยทางการแพทย์ โดยการนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์เข้ามาใช้ในด้านการแพทย์ช่วยเสริมสร้างคุณภาพและประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพของผู้ป่วยอย่างมาก แต่การใช้งานนั้นต้องพิจารณาเป็นอย่างละเอียดเพื่อให้เหมาะสมและมีประสิทธิผลอย่างเหมาะสมในสถานการณ์และเงื่อนไขที่แตกต่างกันอีกด้วย

ซึ่งในอนาคต เราจะเห็นการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในด้านการแพทย์เพื่อเสริมสร้างคุณภาพและประสิทธิภาพในการดูแลสุขภาพของบุคคลและสังคมมากยิ่งขึ้น โดยจะมีการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการพัฒนาการวินิจฉัยโรค การพัฒนายา การคาดการณ์และป้องกันโรค การสนับสนุนตัดสินใจทางการแพทย์ และการพัฒนาการดูแลสุขภาพส่วนบุคคล ซึ่งมีผลดีต่อการให้บริการทางการแพทย์และส่งเสริมสุขภาพของบุคคลและสังคมโดยรวมในระยะยาว

 

 

 

ข้อมูลอ้างอิง

https://www.etda.or.th/th/Useful-Resource/Knowledge-Sharing/Articles/AI-in-Government-Services.aspx

https://www.dia.co.th/articles/what-is-artificial-intelligence/       

https://www.etda.or.th/th/Useful-Resource/Knowledge-Sharing/Articles/aigc/AI-Digital-Healthcare.aspx

https://aigencorp.com/ai-in-health-care-2023/

https://www.niems.go.th/1/uploadattachfile/2021/ebook/413147_20210712105338.pdf

https://www.kmutt.ac.th/news/event-050364-n4-ai/

Comments
To join the comment, please sign in.
Sign in
Don’t have an account? Register
Loading comments...