โชคชะตานำพาชีวิต
เมย์ รัชนก อินทนนท์ นักแบดมินตันหญิงไทย ผู้มีชื่อเสียงคร่ำหวอดในวงการแบดมินตันทั้งในประเทศและระดับโลก ชีวิตของเธอในวงการแบดมินตันไม่ได้เริ่มต้นด้วยการมีต้นทุนที่สูงหรือครอบครัวพร้อมที่จะสนับสนุนเหมือนเด็กทั่ว ๆ ไป ชีวิตการเป็นนักกีฬาของเธอเริ่มจากการวิ่งเล่นซุกซนในโรงงานทำขนมของบ้านทองหยอดที่แม่เธอทำงานอยู่เจ้าของโรงงานเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุจึงชักชวนให้เธอไปฝึกเล่นแบดมินตันในโรงเรียนสอนแบดมินตันบ้านทองหยอด จากนั้นชีวิตของเธอจึงได้คลุกคลีอยู่กับกีฬาแบดมินตันมาโดยตลอดจนความสามารถของเธอพัฒนาการไปจนถึงระดับแข่งขันและประสบความสำเร็จจนกลายเป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน
กุญแจสำคัญที่ผลักดันสู่ความสำเร็จ
แน่นอนว่า “วินัย” เป็นสิ่งที่สำคัญในการเป็นนักกีฬาอาชีพกว่าที่ เมย์ รัชนก จะไต่บันไดขึ้นไปถึงการเป็นแชมป์โลกหญิงเดี่ยวและมือหนึ่งของโลกได้สำเร็จนั้นเธอได้ผ่านการฝึกซ้อมฝึกฝนและลงสนามแข่งขันทั้งในประเทศและต่างประเทศมาอย่างหนักเธอต้องตื่นแต่เช้าเพื่อซ้อมแบดมินตันก่อนที่จะเดินทางไปเรียนและต้องรีบกลับจากการเรียนมาซ้อมจนถึงช่วงค่ำของทุกวันในหนึ่งสัปดาห์วันหยุดของเธอมีเพียงแค่วันเดียวเท่านั้นที่เธอจะได้พักผ่อนและใช้ชีวิตแบบเด็กหญิงปกติทั่วไป
รางวัลแรกในฐานะการเป็นนักกีฬาทีมชาติของเธอคือรางวัลเหรียญเงินจากการแข่งขันเอเชียนเกมส์เปรียบเสมือนประตูสำคัญที่ทำให้เธอกลับมาฝึกซ้อมและพัฒนาการแข่งขันของตนเองให้ดีมากขึ้นกว่าเดิมเพื่อที่จะสามารถไต่บันไดขึ้นไปแข่งขันในระดับต่อไปจนในตอนที่เธออายุเพียง 18 ปีเธอได้สร้างประวัติศาสตร์แห่งความสำเร็จในชีวิตของเธอโดยการเป็นนักกีฬาอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่สามารถคว้าแชมป์โลกมาครองได้ซึ่งแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการมี “วินัย” ของเธอที่ไม่หยุดที่จะหมั่นซ้อมและพัฒนาความสามารถของตนเองอยู่เสมอ
การตั้งเป้าหมายในชีวิต
ในการแข่งขันกีฬาแน่นอนว่ามีทั้งแพ้และชนะไม่มีใครที่จะชนะการแข่งขันได้อยู่เสมอไปแต่ “ยิ่งเจ็บก็ยิ่งแกร่ง” เมย์ รัชนก ก็เป็นนักกีฬาคนหนึ่งที่เคยเกิดความท้อแท้ผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนกับมนุษย์ทั่ว ๆ ไปจนบางช่วงรู้สึกไม่อยากเล่นแบดมินตันแต่เธอก็ทำได้เพียงรีบขจัดความรู้สึกด้านลบนี้ออกไปและทำเปิดใจยอมรับให้ได้ว่าเราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขผลลัพธ์ได้แล้วแต่สิ่งที่เราจะทำได้คือพัฒนาการเล่นในปัจจุบันให้ดีที่สุดเพื่อจะเดินทางไปถึงเป้าหมายที่เธอตั้งไว้คือการไปให้ถึงการคว้ารางวัล “โอลิมปิก” ที่เป็นเป้าหมายสุดท้ายที่เมย์ รัชนก ยังทำไม่สำเร็จ ในปี 2020 ที่ผ่านมาเป็นปีล่าสุดที่เธอได้ไปทำการแข่งขันโอลิมปิกถึงแม้จะเป็นปีที่เธอไม่สามารถคว้ารางวัลมาได้แต่ผลงานการเล่นของเธอแสดงให้เห็นว่าศักยภาพในการเล่นของเธอมีพัฒนาการที่ดีขึ้นกว่าครั้งก่อน ๆ ทำให้เป้าหมายที่เธอจะไปคว้ารางวัลในการแข่งขันโอลิมปิกครั้งต่อไปมีภาพความสำเร็จที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
ความเป็นมืออาชีพทั้งร่างกายและจิตใจ
“ในวันที่ชีวิตหนึ่งรุ่งโรจน์ อาจมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังร่วงโรย” ในบทบาทของการเป็นนักกีฬาเมย์รัชนกถือว่าเป็นนักกีฬาคนหนึ่งที่ประสบความเร็จได้เร็วมากกว่านักกีฬาในวัยเดียวกันแฟนแบดมินตันทั้งในประเทศและต่างประเทศต่างเชื่อมั่นและชื่นชมฝีมือการเล่นของเธออยู่เสมอ แต่ในบทบาทของความเป็นลูกเมย์ รัชนกก็ไม่ได้บกพร่องแต่อย่างใดเธอมักให้สัมภาษณ์ออกสื่อหลังการแข่งขันและก่อนแข่งขันเสมอว่ากำลังใจที่ดีที่สุดของเธอคือครอบครัว ในวันที่ฟ้าของเธอมืดดับจากการสูญเสียคุณแม่คำผัน อินทนนท์ แม้จะเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของเธอแต่เธอก็ไม่ลืมบทบาทของการเป็นนักกีฬาที่จะต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดหลังจากการสูญเสียคุณแม่ครบ 100 วัน เมย์ รัชนก ก็เดินทางไปทำการแข่งขันรายการ อินโดนิเซีย โอเพ่น 2021 จนสามารถเข้ารอบไปถึงรอบชิงชนะเลิศของรายการได้ ผลงานการแข่งขันของเธอสามารถเข้าไปถึงรอบลึก ๆ ในรายการอื่น ๆ อยู่เสมอแต่ก็ยังไม่สามารถเอาชัยชนะมาฝากคนไทยได้จนกระทั่งเกิด #แชมป์นี้เพื่อแม่ผัน Hashtag ที่ เมย์ รัชนก เขียนลงบน Instagram ของเธอหลังจากที่เธอสามารถคว้าแชมป์จากการแข่งขันรายการ มาเลเซีย โอเพ่น 2022 ได้สำเร็จซึ่งเป็นการคว้าแชมป์แรกหลังจากการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตเธอการกลับมาคว้าแชมป์ครั้งนี้เป็นเหมือนการเรียกความมั่นใจของเธอกลับมาและพร้อมที่จะสู้เพื่อความฝันที่เธอตั้งเป้าหมายไว้ ซึ่งทำให้เราเห็นได้ว่าถึงแม้นักกีฬาจะมีสภาพร่างกายที่พร้อมสมบูรณ์ในการแข่งขันแต่สภาพจิตใจก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันที่จะฝ่าฝันอุปสรรคต่าง ๆ ไปจนถึงความสำเร็จ
อ้างอิง
https://ellethailand.com/empowering-woman-may-ratchanok-badminton/
https://www.tiscowealth.com/trust-magazine/issue-45/new-generation.html
https://stadiumth.com/columns/detail?id=158&tab=thai
Categories
Hashtags