ประวัติศาสตร์โรคระบาดในสยาม
Published: 25 June 2024
19 views

 “ โรคห่า ”   

“โรค”

          เมื่อเอ่ยถึงคำว่า “ โรค ” คงเป็นคำที่ไม่มีผู้ใดปรารถนาที่อยากจะให้เกิดขึ้นแก่ตนดังนิยามที่ว่า “ ไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ” แต่ผู้ใดใน “ โลก ” นี้ก็ต่างไม่อาจหนีพ้นการเกิด “โรค” ได้แม้ร่างกายจะแข็งแรงเพียงใดก็ตาม นับเป็นความโชคดีที่ธรรมชาติสร้างโรคมาให้แต่ก็ไม่ลืมที่จะให้ยามารักษาแต่จะรักษาด้วยกระบวนการหรือวิธีใดก็แตกต่างกันออกไปตามอาการของโรคนั้น ๆ  

“ห่า”

         คำว่า “ห่า” เมื่อฟังหรืออ่านดูแล้วมักรู้สึกไม่รื่นหูรื่นตาเพราะดูเป็นคำหยาบคายในสมัยนี้แต่ในสมัยก่อนคำว่า “ห่า” ก็ไม่ได้มีความหมายที่แตกต่างออกไปจากปัจจุบัน คำว่า “ห่า” ในสมัยก่อนก็มีความหมายที่สื่อถึงสิ่งไม่มี สิ่งชั่วโรค อัปมงคล มักใช้เป็นคำเรียกสิ่งไม่ดี เช่น ผีห่า โรคห่า เป็นคำบริภาษ เช่น ไอ้ห่า อีห่า เป็นคำบอกจำนวนเช่น ฝนห่าหนึ่ง

“โรคห่า”

         โรคห่า จึงมีความหมายว่า โรคที่ไม่ดี โรค โรคร้าย  เป็นโรคที่ระบาดมีผู้คนเสียชีวิตของโรคนี้เยอะเหมืองดั่งโดนผีห่ากิน โรคระบาดใดที่มีลักษณะเช่นนี้มักจะถูกเรียกว่า โรคห่า

 “โรคห่าในกรุงรัตนโกสินทร์”

         ในสมัยรัชกาลที่ 2

เกิดโรคห่า หรืออหิวาตกโรคระบาดหนักในพระนครผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนมากพระสงฆ์บางรูปถึงขั้นทิ้งวัดหนีออกจากเมือง ศพที่ตายจากโรคระบาดก็ต่างถูกนำมาถูกทิ้งกองรวมกันอยู่ข้างทางบ้าง ทิ้งลงแม่น้ำบ้าง นำมากองทิ้งไว้ที่ข้างกำแพงวัดบ้างจนทำการเผาไม่ทันทำให้มีนกแร้งมาจิกกินศพเป็นจำนวนมากจนเกิดคำว่า “แร้งวัดสระเกศ”  ด้วยวัดสระเกศเป็นวัดที่อยู่ใกล้กำแพงเมืองศพที่ตายอยู่ภายในเมืองก็ถูกนำออกมาทาง8/ประตูผีมาทิ้งไว้ข้างกำแพงวัดสระเกศ วัดสระเกศจึงเป็นสถานที่จัดการศพที่เกิดจากโรคระบาดแห่งใหญ่ที่สุดในขณะนั้น พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงโปรดให้ตั้งพระราชพิธีอาพาธพินาศขึ้นที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทและสั่งให้มีการยิงปืนใหญ่รอบพระนครตลอดทั้งคืนและยังให้เชิญพระแก้วมรกตและพระบรมธาตุออกแห่ทั่วพระนครและโปรดให้ข้าราชการทุกชั้นทรงศีลประกาศห้ามไม่ให้ราษฎรฆ่าสัตว์ตัดชีวิตและให้อยู่แต่ในบ้านเรือนหลังจากนั้นเพียงไม่นานโรคระบาดจึงค่อย ๆ สิ้นสุดลง

         ในสมัยรัชกาลที่ 5

         เกิดโรคระบาดอหิวาตกโรคในสมัยรัชกาลที่ 5 ในรัชสมัยนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงไม่ได้โปรดให้ประกอบพิธีกรรมเพื่อขับไล่โรคระบาด แต่ทรงหันมาให้ใช้ความรู้ทางการแพทย์สมัยใหม่ในการรักษาราษฎรและต่อมาจึงได้มีการยกเลิกการพิธีกรรมทางศาสนามารักษาโรคระบาด พระองค์ทรงโปรดให้มีการปรุงยาขึ้นแล้วนำไปแจกจ่ายราษฎรซึ้งสามารถทำให้อหิวาตกโรคบรรเทาการระบาดลงได้พอสมควร พระองค์ยังทรงรับสั่งให้ทำการจัดตั้งโรงพยาบาลชั่วคราวเพื่อรักษาราษฎรซึ่งสามารถทำให้สามารถควบคุมอหิวาตกโรคได้ภายใน 6 สัปดาห์ต่อมา

“โรคห่าในยุคปัจจุบัน”

         “โควิด” เป็นโรคระบาดครั้งใหญ่ของโลกอีกครั้งหนึ่งที่มีผู้คนล้มตายกันเป็นจำนวนมหาศาลในประเทศไทยผู้คนต่างสรรหาวิธีป้องกันรักษากันหลายต่อหลายวิธีทั้งการพึ่งพาวิทยาศาสตร์และการพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามคติความเชื่อของแต่ละศาสนา ซึ่งการเกิดโรคระบาดครั้งนี้ไม่ได้กระทบเพียงแค่สุขภาพร่างกาย แต่ส่งผลพวงให้เศรษฐกิจสังคมทั่วโลกเกิดผลเสียหายตามไปด้วย โรคระบาดครั้งนี้มีการสันนิษฐานว่าเกิดในเมืองอู่ฮั่นประเทศจีนก่อนที่จะค่อย ๆ แพร่จะจายไปยังประเทศอื่น ๆ ผลกระทบที่ทั่วโลกได้รับจากโรคระบาดครั้งใหญ่นี้ได้ส่งผลให้วิถีในการดำรงชีวิตของมนุษย์เกิดการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากผู้คนต้องกักตัวอยู่แต่ในบ้าน พนักงานต้องเปลี่ยนมา Work form home นักเรียนนักศึกษาต้องเปลี่ยนมาเรียนหนังสือในรูปแบบ Online ผู้คนที่ค้าขายก็ต้องทำการค้าขายผ่านช่องทาง Online ซึ่งนับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ สิ่งที่ส่งผลต่อมวลมนุษย์เป็นอย่างมาก กว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะกลับมาสู่สภาวะปกติต้องใช้เวลาหลายปีเลยทีเดียวนักวิจัยและทีมแพทย์ทั่วโลกต่างช่วยกันคิดค้นยารักษานานอยู่พอสมควรจึงจะได้ยาและวัคซีนที่จะสามารถช่วยป้องกันโรคระบาดนี้ได้จริง แต่ถึงอย่างไรก็ตามโรคระบาดนี้ก็เพียงแต่สงบลงแต่ไม่ได้หายขาดไปจากโลก ปัจจุบันยังมีผู้ที่ติดเชื้อจากโรคระบาดนี้อยู่บ้างเพียงแต่ได้รับยาและวัคซีนในการช่วยรักษาจึงทำให้โรคนี้ไม่ได้เกิดการระบาดใหญ่เหมือนครั้งที่ผ่าน ๆ มา

การเกิดโรคระบาดในครั้งนี้ได้ถือว่าเป็นบทเรียนอันยิ่งใหญ่ที่จะสอนให้มนุษย์หันมาใส่ใจอาหารการกินและการดูแลรักษาสุขภาพรวมถึงการรับมือและป้องกันการเกิดแพร่กระจายของโรคอย่างถูกวิธี

 

 อ้างอิง

https://www.hfocus.org/content/2020/03/18680

https://www.silpa-mag.com/history/article_47620

https://www.thaipbs.or.th/news/content/290347

 




Categories

Comments
To join the comment, please sign in.
Sign in
Don’t have an account? Register
Loading comments...