จริงหรือไม่? ทำไมยังไม่ควรใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน
Published: 30 April 2025
0 views


จริงหรือไม่? ทำไมยังไม่ควรใช้รถยนต์ไฟฟ้า

ในประเทศไทย ณ ปัจจุบัน



ในยุคที่ทั่วโลกตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างรุนแรง รถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle: EV) ถูกนำเสนอในฐานะทางเลือกแห่งอนาคตที่สะอาดและยั่งยืน อย่างไรก็ตาม ในประเทศไทย แม้ว่ากระแสรถยนต์ไฟฟ้าจะเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ยังมีคำถามที่ต้องถกเถียงกันว่า “เวลานี้เหมาะสมแล้วหรือยัง” สำหรับการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย บทความนี้จะพาผู้อ่านมาร่วมวิเคราะห์ทั้งข้อดีและข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ผู้สนใจมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจอย่างรอบด้าน


ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า

รถยนต์ไฟฟ้ามีข้อดีหลากหลายที่ไม่อาจมองข้าม ได้แก่

  • เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: รถยนต์ไฟฟ้าไม่มีการปล่อยไอเสียระหว่างขับขี่ ช่วยลดมลพิษทางอากาศ เช่น ฝุ่น PM2.5 ที่เป็นปัญหาใหญ่ในเมืองใหญ่ของไทย​ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานครและเชียงใหม่ที่มักประสบปัญหามลพิษอย่างหนัก
  • ประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้งาน: จากข้อมูลของ EVOLT (2024) การชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้งมีค่าใช้จ่ายเพียงประมาณ 100-200 บาท สำหรับระยะทางวิ่งเฉลี่ย 300-400 กิโลเมตร ขณะที่รถน้ำมันต้องเติมน้ำมันเป็นพันบาทในระยะทางเดียวกัน
  • ค่าบำรุงรักษาต่ำ: เพราะรถยนต์ไฟฟ้าไม่มีเครื่องยนต์ที่ซับซ้อน ไม่ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง หรือบำรุงรักษาระบบเกียร์บ่อย ๆ จึงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายระยะยาว​
  • ขับขี่นุ่มนวล ตอบสนองไว: เนื่องจากมอเตอร์ไฟฟ้ามีแรงบิดทันทีตั้งแต่รอบต่ำ ทำให้การออกตัวและการเร่งแซงทำได้อย่างรวดเร็ว และเงียบกว่ารถยนต์ทั่วไป


Tesla Model 3


ตัวอย่างเช่น รถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายใน 5 วินาที ซึ่งถือว่าเร็วมากเมื่อเทียบกับรถน้ำมันทั่วไปในระดับราคาใกล้เคียงกัน


ข้อจำกัดและอุปสรรคในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย

แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะมีข้อดีมากมาย แต่ยังมีข้อจำกัดบางอย่างที่ควรพิจารณาอย่างรอบคอบ ดังนี้


1. โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จไฟฟ้ายังไม่ทั่วถึง

ปัจจุบันประเทศไทยมีการติดตั้งสถานีชาร์จเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ) ระบุว่ามีสถานีชาร์จมากกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ แต่ส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และเขตเมืองใหญ่

ในต่างจังหวัดหรือเส้นทางชนบท การหาสถานีชาร์จยังคงเป็นเรื่องท้าทาย โดยเฉพาะหากต้องเดินทางไกล เช่น กรุงเทพฯ ไปยังภาคเหนือหรือภาคใต้ ผู้ขับขี่จำเป็นต้องวางแผนการชาร์จล่วงหน้า และเผื่อเวลาในการรอชาร์จ ซึ่งอาจนานถึง 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง หากเป็นสถานีชาร์จแบบเร็ว (DC Fast Charger)

ตัวอย่างเช่น หากเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเชียงใหม่ (ระยะทางประมาณ 700 กิโลเมตร) รถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จะต้องชาร์จอย่างน้อย 1-2 ครั้งระหว่างทาง


2. ระยะทางการวิ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้งมีข้อจำกัด

แม้เทคโนโลยีแบตเตอรี่จะพัฒนาขึ้นอย่างมาก แต่รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจำนวนไม่น้อยยังมีระยะทางวิ่งต่อการชาร์จหนึ่งครั้งไม่เกิน 400 กิโลเมตร ในสภาวะใช้งานจริง (เปิดแอร์ ขับเร็ว ใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถ)

เมื่อเทียบกับรถน้ำมันที่สามารถวิ่งได้ 600-800 กิโลเมตรต่อการเติมน้ำมันหนึ่งครั้ง และใช้เวลาเติมเพียง 5 นาที ความสะดวกสบายของรถน้ำมันยังเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด


3. ราคาจำหน่ายเริ่มต้นสูง

แม้ว่ารัฐบาลไทยจะมีนโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า เช่น การลดภาษีนำเข้าและเงินอุดหนุน 70,000-150,000 บาทต่อคัน​ แต่ราคาขายของรถยนต์ไฟฟ้ายังสูงกว่ารถยนต์น้ำมันในกลุ่มเดียวกัน

ตัวอย่างเช่น

  • รถยนต์ไฟฟ้า BYD Dolphin ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 800,000 บาท
  • รถยนต์น้ำมัน Toyota Yaris ราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 600,000 บาท

ความต่างของราคา 200,000 บาท อาจทำให้ผู้บริโภคส่วนหนึ่งลังเล แม้ต้นทุนการใช้งานจะต่ำกว่าก็ตาม


4. อายุการใช้งานและค่าซ่อมแซมแบตเตอรี่

อายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 8-10 ปี หรือประมาณ 150,000-200,000 กิโลเมตร เมื่อแบตเตอรี่เสื่อมสภาพจะต้องเปลี่ยนใหม่ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 200,000-400,000 บาท แล้วแต่รุ่น​

แม้ว่าผู้ผลิตจะมีการรับประกันแบตเตอรี่ (เช่น 8 ปี หรือ 160,000 กิโลเมตร) แต่หลังหมดระยะรับประกัน ผู้ใช้ต้องเตรียมงบประมาณเผื่อไว้สำหรับการเปลี่ยนแบตเตอรี่ในอนาคต


5. ความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยจากแบตเตอรี่

แม้ความเสี่ยงจะต่ำ แต่ก็มีกรณีเกิดไฟไหม้รถยนต์ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ลุกไหม้อย่างรวดเร็วและยากต่อการดับเพลิง หากเกิดอุบัติเหตุรุนแรง เช่น รถชนหนักหรือแบตเตอรี่ถูกเจาะทะลุ​

ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าส่วนใหญ่จึงเพิ่มระบบความปลอดภัย เช่น ระบบตัดการทำงานของแบตเตอรี่ในกรณีเกิดแรงกระแทก แต่ผู้ขับขี่ก็ควรระมัดระวังอย่างสูงเช่นกัน

แนวโน้มการพัฒนาในอนาคต

สถานการณ์ของรถยนต์ไฟฟ้าในไทยมีแนวโน้มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ได้แก่:

  • การขยายโครงข่ายสถานีชาร์จ: ผู้ให้บริการเอกชนหลายราย เช่น EA Anywhere, EVOLT และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ประกาศแผนขยายสถานีชาร์จเร็วครอบคลุมทั่วประเทศในปี 2025​
  • การสนับสนุนจากภาครัฐ: มีการตั้งเป้าให้ประเทศไทยผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ 30% ของการผลิตรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030​
  • การพัฒนาแบตเตอรี่: บริษัทชั้นนำพัฒนาแบตเตอรี่เทคโนโลยี Solid-State ที่มีความปลอดภัยสูงกว่าและสามารถชาร์จเร็วขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเริ่มนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
  • รถยนต์ไฟฟ้าราคาประหยัด: หลายค่ายรถเตรียมเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็ก ราคาต่ำกว่า 500,000 บาท เพื่อเจาะตลาดผู้บริโภคกลุ่มใหญ่


เพื่อสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า รัฐบาลไทยได้มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง เช่น การยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล การลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า และการยกเว้นอากรนำเข้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์รถยนต์ไฟฟ้า สำหรับผู้ผลิตที่ได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดยตั้งเป้าหมายให้มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (ทั้งแบบไฮบริดปลั๊กอินและแบตเตอรี่) รวมถึง 1.2 ล้านคันภายในปี พ.ศ. 2579 อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของเป้าหมายดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และการยอมรับของประชาชนอย่างกว้างขวาง

แม้รถยนต์ไฟฟ้าจะมีศักยภาพในการเปลี่ยนโฉมการคมนาคมของประเทศไทยในระยะยาว แต่ในปัจจุบันยังมีข้อจำกัดหลายประการที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจึงควรขึ้นอยู่กับปัจจัยส่วนตัว เช่น ลักษณะการใช้งาน งบประมาณ และความสะดวกในการชาร์จไฟ

  สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ มีความพร้อมในการชาร์จไฟ และเดินทางในระยะทางไม่ไกลมาก รถยนต์ไฟฟ้าถือเป็นทางเลือกที่ดีในวันนี้ แต่สำหรับผู้ที่มีการเดินทางไกล หรือต้องใช้งานในพื้นที่ห่างไกล อาจต้องรอให้โครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีพัฒนาอีกระยะหนึ่ง





บรรณานุกรม

BYD Auto Group. (2567). รถยนต์ไฟฟ้า (EVs) อันตรายจริงหรือไม่?

สืบค้นจาก https://www.bydbdautogroup.com/electric-cars-evs-really-dangerous-th/

EVOLT. (ม.ป.ป.). 5 เหตุผล รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เติบโตในไทย.

สืบค้นจาก https://evolt.co.th/5-เหตุผล-รถยนต์ไฟฟ้า-รถ-ev-เติบโตในไทย/

EVOLT. (ม.ป.ป.). ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง รู้ไว้ก่อนตัดสินใจซื้อ EV.

สืบค้นจาก https://evolt.co.th/ใช้รถยนต์ไฟฟ้า-มีข้อดี-ข้อเสีย-อะไรบ้าง-รู้ไว้ก่อนตัดสินใจซื้อรถ-ev/

โตโยต้าชัวร์. (2567). สำรวจข้อดีและข้อเสียของรถไฟฟ้า EV คุ้มค่าไหมกับการตัดสินใจ.

สืบค้นจาก https://www.toyotasure.com/contentdetail/contentdetailsui/ID20240314-501

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์. (2565). ส่องข้อดี-ข้อเสีย “รถยนต์ไฟฟ้า” ขับลุยน้ำท่วมได้นานแค่ไหน ควรดูแล     แบตเตอรีอย่างไร. สืบค้นจาก https://tu.ac.th/thammasat-030865-tse-expert-talk-electric-vehicle

ศูนย์วิจัยและพัฒนาพลังงานแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (ERDI-CMU). (ม.ป.ป.). นโยบาย“รถยนต์ไฟฟ้า” ของไทยเปรียบเทียบกับต่างประเทศ. สืบค้นจาก https://erdi.cmu.ac.th/?p=1478

สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.). (ม.ป.ป.). อัพเดทสถานการณ์ตลาดยานยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกและไทยในปี 2024. สืบค้นจาก https://www.erc.or.th/th/energy-articles/3094

สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.). (2564). ข้อดี-ข้อเสียรถไฟฟ้า.

สืบค้นจาก https://www.eppo.go.th/epposite/index.php/en/component/k2/item/17404-ev-charging-201064


Categories

Comments
To join the comment, please sign in.
Sign in
Don’t have an account? Register
Loading comments...