สนทนากับบรรณารักษ์ชำนาญการฯแห่งสำนักหอสมุด มจธ.
Published: 4 August 2025
3 views


สิ่งที่ผมพบเจอเป็นประจำยามค้นคว้าข้อมูลด้านธุรกิจการลงทุนคือคำชี้ชวนให้เชื่อว่าเป้าหมายสูงสุดของมนุษย์ได้แก่การพยายามสั่งสมความมั่งคั่งเพื่อจะได้เกษียณก่อนเวลา หรืออีกนัยความหมายหนึ่ง

เราทำงาน

เพื่อจะไม่ต้องทำงานอีกต่อไป?

เช่นนั้น เมื่อผมได้ทราบว่าสำนักหอสมุดมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีมีข้าราชการเกษียณผู้ยังดำรงตำแหน่งเป็นบรรณารักษ์ชำนาญการพิเศษอยู่ จึงเกิดสงสัยว่าเหตุผลใดที่ทำให้บรรณารักษ์ท่านนี้ ตัดสินใจเลือกตื่นแต่เช้ามาทำงานต่อแม้จะสามารถเลือกพักผ่อนอยู่บ้านกับลูกหลานเฉกภาพจำผู้สูงวัยตามสื่อโฆษณา

โชคดีที่ ป้าอ๋า วรจิตติ์ ปิยะภาณี เมตตาเปิดห้องทำงานให้ผมได้เข้าพบเพื่อคลายข้อสงสัย ระหว่างเรามีโต๊ะไม้สีน้ำตาลตัวใหญ่คั่นกลาง บนนั้นเต็มไปด้วยเอกสารบทความและงานวิจัยหลากหลายฉบับ เนื้อหาโดยรวมพูดถึงบทบาทบรรณารักษ์ในยุคสมัยแห่ง เอไอ ทั้งหมดวางเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อย กระดาษเอสี่เย็บมุม แต่ละหน้าปรากฏร่องรอยปากกาเน้นข้อความ

ผมเริ่มต้นขอให้บุคลากรอาวุโสผู้ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก เอ่ยเล่าถึงวัยเด็ก เติบโตมาอย่างไร ทำไมถึงได้เป็นบรรณารักษ์

“ป้าโตมากับภาพเตี่ยนั่งอ่านหนังสือพิมพ์

“เตี่ยมาจากเมืองจีน ลงหลักปักฐานที่จังหวัดอุบลราชธานี อาชีพค้าขายบางครั้งต้องใช้เอกสารภาษาไทย เขาเลยเรียนภาษาไทยด้วยตัวเอง ไม่ได้ไปเรียนในโรงเรียน เพราะคนจีนสมัยนั้นมีเงินมาไม่มากหรอก อยู่ดี ๆ ไปเรียนหนังสือคิดเป็นชั่วโมงไม่มีทางจ่ายได้ เขาใช้วิธีรับหนังสือพิมพ์ภาษาไทยมานั่งอ่าน นั่งสะกด ตัวไหนสะกดไม่ได้จะถามคนอื่น

“อาจจะอย่างนี้ก็ได้ ป้าเลยชอบอ่านหนังสือ เพราะถูกฝึกตั้งแต่เด็ก สมัยก่อนถุงกระดาษห่อขนมเขาใช้กระดาษที่มีตัวหนังสือห่อ ป้าก็แกะถุงกระดาษมาอ่าน เป็นคนแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร ปกติจะไม่ค่อยนั่งอยู่เฉย ๆ จะชอบหยิบอะไรขึ้นมาอ่าน อย่างพี่ชายก็เป็นคนอ่านหนังสือ ถึงเขาจะอ่านหนังสือกำลังภายในก็เถอะ เขามีเป็นชั้นเลยนะ แล้วทุกคนที่บ้านก็ไปหยิบอ่าน พี่น้องคนอื่นมีนิสัยแบบนี้เหมือนกันหมด แต่เขาไม่ได้เรียนบรรณารักษ์

“เตี่ยส่งป้าเข้าโรงเรียนไทยตั้งแต่อนุบาล พอถึงช่วง ม.ศ.5 ป้าเริ่มรู้จักตัวเอง ชอบไปร้านหนังสือ ชอบไปดูตามชั้น ดูเล่มนั้นเล่มนี้ เห็นอะไรน่าสนใจก็หยิบอ่าน ชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ ความรู้ทั่วไป เป็นคนที่อ่านอะไรก็ได้ พวกนิยายก็อ่าน กำลังภายในยังอ่านเลย แต่อย่างเดียวที่ไม่อ่านคือนิยายโป๊ ๆ ป้ามองหนังสือเป็นเรื่องของความรู้ ทุกอย่างเป็นความรู้มาเติมเต็มให้เรา”

หลังจบมัธยม

“ตัวเลือกของคนที่เรียนสายทั่วไปมีไม่มาก จะไปเข้าคณะศึกษาศาสตร์ก็ไม่ชอบ แล้วตอนนั้นมหาวิทยาลัยขอนแก่นเปิดคณะวิทยาศาสตร์ - อักษรศาสตร์ สาขาบรรณารักษศาสตร์ เขาเปิดรับเด็กหัวกะทิจากโรงเรียนที่มีชื่อเสียงในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ป้าติดอันดับหนึ่งในสามของสายทั่วไปในโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช เลยได้เข้าไปเรียนเป็นรุ่นแรก”

ก้าวสู่วัยทำงาน

“ปี 2522 อายุประมาณยี่สิบต้น ๆ ช่วงระหว่างรอทำงาน วิทยาลัยครูที่อุบลราชธานี (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี) เรียกป้าไปสอน ป้าไปสอนได้สามเดือน เป็นลูกจ้าง แล้วมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีก็เรียกบรรจุเป็นข้าราชการตำแหน่งบรรณารักษ์ พอมาแล้วก็อยู่ยาวเลย

“สมัยที่เข้ามาทำงานใหม่ ๆ ยังเป็นป่าดงพงไพร เป็นทุ่ง (หัวเราะ) ป้าพักอยู่แถวหัวลำโพง นั่งรถเมล์สาย 21 สาย 75 มา ต้องตื่นแต่เช้า ตีห้า เพราะไม่ชอบเบียดคนในรถเมล์ ยาก ลำบาก แต่สอนตัวเองว่าต้องทำงานให้สนุก เกิดเรื่องอะไรก็ช่าง เรามองเรื่องงานให้มันเป็นเรื่องสนุก แล้วจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคทั้งหลายทั้งปวงไปได้ ข้อนี้คือข้อสำคัญที่สุด เพราะถ้าคุณทำงานไม่สนุกนะ ถ้าคุณเบื่อหน่ายนะ คุณทำอะไรก็ไม่ได้แล้ว ต้องทำใจชอบในงาน


ความภาคภูมิใจ

“ในระหว่างทำงาน เหตุการณ์ที่ป้าจำได้แม่นเลย อาจารย์ กฤษณพงศ์ (ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร) อดีตอธิการบดี บอกว่า ‘วรจิตติ์ ทำยังไงถึงจะดึงเด็กออกจากโต๊ะสนุกฯได้’ (ถอนหายใจ) ตาย ๆ ๆ เถียงกับอาจารย์เลยนะ บอก ‘อาจารย์ โต๊ะสนุกฯมันสนุกกว่ามาห้องสมุดนะ’ อาจารย์บอกว่า ‘วรจิตต์ก็ทำให้ห้องสมุดมันสนุกกว่าสิ’ ดังนั้น มันจึงเกิดห้องสมุดแบบใหม่ ซึ่งมีแนวคิดของอาจารย์บัณฑิต (รศ. ดร.บัณฑิต ทิพากร) รวมอยู่ด้วย คือการทำห้องสมุดให้เป็น “บ้านหลังที่สองแห่งการเรียนรู้” บทบาทของห้องสมุดพัฒนาเป็นการจัดพื้นที่ส่งเสริมการเรียนรู้และจัดสภาพแวดล้อมให้มีความเชื่อมโยงกัน เป็นที่มาของ KMUTT ‘s Learning Information Commons – ห้อง Klinics 1 , 2, 3 และ 4 ซึ่งทั้งหมดรู้จักกันในชื่อ Learning Space”


Learning Space

พื้นที่สนับสนุนภารกิจของมหาวิทยาลัยด้านการเรียนการสอน และการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีด้วยตนเองของนักศึกษาและบุคลากรของมหาวิทยาลัยรวมทั้งยังสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิต นำไปสู่ความเข้มแข็งทางวิทยาศาสตร์ โดยให้บริการและจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้นอกห้องเรียน สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและวิถีชีวิตของนักศึกษาที่มีความสามารถในการใช้สื่อเทคโนโลยี จัดหาสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อการเรียนรู้รูปแบบต่าง ๆ ที่มีสาระวิชาการแทรกผ่าน ทั้งในรูปของหนังสือ ดนตรี ภาพยนตร์ และสื่อมัลติมีเดีย เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสเรียนรู้ด้วยตนเองโดยการทดลอง ค้นคว้า ปฏิบัติจริง รวมทั้งส่งเสริมการเรียนรู้ร่วมกับผู้อื่น


“แล้วป้าต้องมานั่งอ่านบทความเอาเป็นเอาตายว่า ‘การเรียนรู้’ มันคืออะไร แล้วจะทำให้มันเป็น “บ้านหลังที่สองแห่งการเรียนรู้” ได้อย่างไร แต่อาจจะโชคดีตรงที่ลูกป้าไปเรียนออสเตรเลีย ดังนั้นก่อนไปเยี่ยมเขา ป้าเลยหาข้อมูลแล้วบอกเขาว่า ‘พาแม่ไปดูห้องสมุดหน่อย’ ไปแบบผู้ใช้บริการปกติ เหมือนเวลาที่คนท้องถิ่นเขาไป เพราะรอให้ราชการส่งไปน่ะ ฝันไปเถอะ ไม่รอนะ

ตอนนั้นลูกเขาพาไปซิดนีย์ ป้าไปดู The University of Sydney ดู University of Technology Sydney พาไปเมลเบิร์น บริสเบน, แทสเมเนีย, แอดิเลด ก็ไปดูห้องสมุด ดูพิพิธภัณฑ์ แล้วเก็บเล็กผสมน้อย จด ๆ ๆ กลับมา ทำให้ป้าเห็นภาพชัด เช่น ถ้าป้าจะให้กลุ่มคนเขาแบ่งปันความรู้ โต๊ะควรต้องเป็นแบบไหน คุณต้องไปศึกษา โต๊ะเหลี่ยม โต๊ะหกเหลี่ยม โต๊ะกลม หรือเก้าอี้สำหรับการศึกษาเดี่ยวต้องเป็นยังไง มีที่วางของข้างใต้ไหม มีที่วางกระเป๋าไหม มันจะต้องไปคิด ไม่ใช่อยู่ดี ๆ นึกอยากซื้อเก้าอี้ก็ซื้อ ป้าต้องมาค้นต่อ ศึกษาในหนังสือ ดูบทความต่างประเทศด้วย ไม่อย่างนั้นคุยกับมัณฑนากรไม่ได้ แต่ก็มีพลาดเหมือนกันนะ

“ตอนนั้นรู้แต่ว่าต้องทำให้สำเร็จ ทำออกมาให้ได้ แล้วต้องติดต่อกับงานพัสดุ ติดต่อกับงานแผน ติดต่อผู้บริหาร รวมถึงกองอาคาร ต้องคุยกันให้รู้เรื่องว่าเราจะสร้างกันแบบนี้ ทุกคนต้องช่วยกัน ทำคนเดียวไม่ได้หรอก ทุกคนสำคัญหมด ประสานงานภายในและภายนอกหน่วยงาน ตัวป้าเองเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ผลักให้มันไป เป็นความภาคภูมิใจทั้งหมดเลยที่ทำขึ้นมา”


อะไรคือความสุขของทุกวันนี้

“เจอน้อง ๆ ก็มีความสุขแล้ว เวลาที่คนเข้ามาหา ได้คุยกับเด็ก ๆ ดูเด็ก ๆ เติบโต พอเราอ่านบทความเจออะไรก็เล่าให้เขาฟัง แต่ส่วนใหญ่คนจะไม่ค่อยกล้าเข้ามาหา เพราะคิดว่าดุ”


สิ่งที่อยากฝากถึงน้อง ๆ เด็ก ๆ บรรณารักษ์รุ่นใหม่

“ทักษะของบรรณารักษ์คือ อ่าน วิเคราะห์ ย่อ แล้วก็ย่อย” ยกตัวอย่าง “เวลาบรรณารักษ์จัดหมวดหมู่หนังสือเราจะต้องย่อยเลขออกมาให้ผู้ใช้ แต่ตอนนี้บางคนอ่านก็ไม่อ่าน ไปลอกเอา ไปดู Cataloging in Publication (บริการจัดทำข้อมูลทางบรรณานุกรมหนังสือ) ไม่อ่านเองแม้กระทั่งบทคัดย่อ แล้วไปเชื่อไปใช้เอไอในการเขียน ยิ่งไปกันใหญ่ มันต้องฝึกการอ่าน เขียน ย่อความ ทำความเข้าใจด้วยตัวเอง อาชีพอื่นเขาอาจไม่ต้องฝึก แต่เราเป็นบรรณารักษ์เราต้องฝึก ถามว่าป้ารู้จัก Chat GPT, Claude, Gemini ไหม ป้ารู้จัก เราต้องรู้จักนะ แต่ป้าต้องไปใช้ตามเขาไหม ไม่ ป้าไม่ไปบ้าใช้ตาม แต่ป้ารู้ว่าใช้ทำอะไรได้”

ป้าอ๋าให้เทคนิค

“สังเกตนะ เวลาป้าอ่าน ป้าจะเขียนสรุปออกมา เน้นข้อความที่สำคัญ อย่างตรงนี้ชอบมากเลย” หยิบเอกสารบนโต๊ะ “เขาบอกว่า ‘เทคโนโลยีทำให้ชุมชนเสียความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล’ นึกออกไหม” ชี้ให้ดู “นี่เขาบอกว่า ‘บรรณารักษ์ยังจำเป็นต่อการสร้างความสัมพันธ์ของชุมชน’ เขาบอกเทคโนโลยีทำไม่ได้นะ แต่เรากลับไปใช้ เอไอ แทน แล้วมีอีกอันหนึ่งก็พูดดี” หยิบเอกสารชุดใหม่ “เขาบอกว่า ‘ตอนนี้ห้องสมุดมีเครื่องมือเต็มไปหมด บรรณารักษ์ต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้น ต้องวางแผนว่าจะใช้เทคโนโลยีอย่างไร’ ไม่ใช่มีคนบอกว่าอะไรดีก็วิ่งไปใช้จนรกไปหมด แล้วมันมีอันนี้ ‘เจเนเรทีฟเอไอไม่ได้มาแทนที่ระเบียบวิธีวิจัย’ จำไว้ คุณเป็นบรรณารักษ์ ทักษะทางระเบียบวิธีวิจัยของคุณยังต้องมีอยู่ ไม่ใช่เอาเอไอมาใช้แทนคุณ ถ้าใช้เอไอมาก ๆ ทักษะการวิเคราะห์ตัดสินใจของคุณจะหายไป – อ่านแล้วต้องคิดตามเขา ถ้าเราเป็นบรรณารักษ์ แล้วยังไม่รู้ว่าแก่นหรือแกนหลักของเราคืออะไร เราจะทำงานแบบลอย ๆ

ป้าอ๋ากล่าวทิ้งท้าย

“นี่พูดตามภาษาของป้านะ ป้าคิดว่า ‘ถ้าฉันเป็นบรรณารักษ์ ฉันต้องเป็นบรณารักษ์ที่แน่พอประมาณ’ ต้องให้คนเขายอมรับ

“แต่อย่าเป็นน้ำเต็มแก้ว”


“อ่านเยอะ ๆ เขียนเยอะ ๆ”


ในสายตาของผม ป้าอ๋า วรจิตติ์ ปิยะภาณี คือหญิงสูงวัยที่ยังกระฉับกระเฉง เปี่ยมล้นพลังงาน จังหวะคำพูด น้ำเสียง ฟังคมชัด ฟันธงตอบแต่ละคำถามอย่างไม่ลังเลเฉไฉ จากการสนทนา บอกได้ว่าป้าอ๋าไม่ใช่น้ำเต็มแก้ว แต่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งยังเหลือพื้นที่รองรับไว้อีกมหาศาล

ส่วนคำถามตอนต้น เหตุใดป้าอ๋าจึงยังกลับมาทำงานเพื่อสำนักหอสมุดต่อ คำตอบที่ได้มาระหว่างบรรทัดบอกผมว่า สำหรับป้าอ๋า บรรณารักษ์ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อตำแหน่งหน้าที่การงาน แต่คือจิตวิญญาณ คือความภาคภูมิใจอันไม่อาจลบล้างถอดถอน เช่นนั้น ไม่ว่าในทางปฏิบัติ ป้าอ๋าจะมียังชื่อสังกัดในห้องสมุดองค์กรใดหรือไม่ ไม่สำคัญ เพราะป้าก็จะยังคงปฏิบัติหน้าที่เต็มเวลา เป็นบรรณารักษ์อย่างที่เคยเป็นมาอยู่สืบไป

Categories

Comments
To join the comment, please sign in.
Sign in
Don’t have an account? Register
Loading comments...