“พ่อแม่ผมทำเฉาก๊วยบรรจุขวดยี่ห้อ ช.โชคดี ส่งขายในอำเภอโพนทองจังหวัดร้อยเอ็ดและระแวกใกล้เคียงครับ ทั้งคู่ไม่ได้เรียนจบสูง ไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัย วุฒิการศึกษาระดับมัธยม แต่ก็พยายามส่งผมเรียน พวกท่านให้ผมเลือกว่าอยากเรียนอะไร สำหรับผมรู้สึกค่อนข้างน่ากลัวนิด ๆ ที่ต้องถางทางมาเอง”
ภูมิ (เอกรัฐภูมิ พละหาญ) บอกเล่าความท้าทายของชีวิตวัยเรียนที่หากเปรียบเป็นเกม สถานการณ์เช่นนี้คงคล้ายดังด่านทดสอบวัดใจในเกมประเภท Choices Matter ไม่มีใครรู้แน่ว่าอะไรคือคำตอบที่ทอดนำสู่ตอนจบอันแสนสุข
“ผมต้องพยายามลองเข้าไปดูว่าอันนี้ดีหรือไม่ดีด้วยตัวเอง ทั้งเข้าไปเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์เอง เลือกมหาวิทยาลัยเอง”
ภูมิจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย จังหวัดมุกดาหาร โรงเรียนประจำสำหรับนักเรียนที่มีศักยภาพสูงหรือมีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เขาได้รับทุนสนับสนุนตลอดช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ปัจจุบันภูมิศึกษาอยู่ระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 คณะเทคโนโลยีมีเดีย สาขาวิชาการพัฒนาเกม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในฐานะนักศึกษาทุนเพชรพระจอมเกล้าด้านนวัตกรรม
Siamassagi คือเกมล่าสุดที่ภูมิกับเพื่อนพัฒนารวมกันภายใต้ชื่อทีมผู้สร้างว่า IGNITE GAME STUDIO โดยเปิดให้คนทั่วไปทดลองเล่นตัวอย่างมาแล้วในงาน GAME FESTIVAL+ 3 และกำลังจะเปิดให้ทดลองเล่นเวอร์ชั่นล่าสุดในงาน THAILAND INTERNATIONAL GAME SHOWCASE 2025 วันที่ 23 – 24 สิงหาคม 2025 ณ PARAGON HALL ชั้น 5, Siam Paragon
ในฐานะคลื่นลูกใหม่แห่งวงการนักพัฒนาเกมไทยที่ต้องเลือกเส้นทางชีวิตด้วยตัวเอง ประวัติข้างต้นของภูมิบ่งบอกชัดว่าเขาตัดสินใจได้ดี แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ ภูมิต้องผ่านทางเลือกอะไรมาบ้าง
เด็กชายผู้หลงเสน่ห์วิดีโอเกม
“ผมเริ่มเล่นเกมตั้งแต่ ป.3 - ป.4 ตอนนั้นอยู่จังหวัดอุบลราชธานีกับป้า ลูกของป้ามีโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง แล้วตอนที่พี่เขายังไม่ตื่น ผมก็แอบไปเล่น” เล่นเกมกบยิงลูกแก้ว (Zuma) เกมปลาฉลาม (Feeding Frenzy) กับเกมสามัญประจำเครื่องอื่น ๆ ที่ร้านคอมพิวเตอร์มักติดตั้งไว้ให้ลูกค้า “มีหลายเกมช่วยเปิดจินตนาการของผมมาก รู้สึกว่าเกมทำอะไรได้หลายอย่าง” นอกจากความสนุกสนาน “เกมยังสร้างอารมณ์ร่วมให้เราผ่านเรื่องเล่าได้
“แล้วช่วง ม.ต้น ผมก็ย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ที่ร้อยเอ็ด ตอนนั้นสอบติดโครงการ Gifted Program ของโรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา ได้ไปแข่งสร้างหุ่นยนต์ แข่งสร้างเว็บไซต์ เลยมีโอกาสศึกษาเรื่องการเขียนโปรแกรมและการออกแบบ แต่ความฝันยังไม่ได้ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างว่าจะไปทางไหน”
จากผู้เล่นกลายเป็นผู้สร้าง
กระทั่ง “ผมไปเรียน ม.ปลายที่โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย แล้วได้รู้จักโครงการ Hackathon (แฮกกาธอน มาจากการผสมคำระหว่าง Hacking + Marathon ปัจจุบันเรียกการแข่งขันนี้ว่า Game Jam) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างโรงเรียนวิทยาศาสตร์ของประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น เขาให้แข่งสร้างเกมตามโจทย์ภายในเวลา 48 ชั่วโมง ไม่ต้องนอนกันเลย (หัวเราะ)
“ผมสมัครเข้าไปรวมทีมกับนักเรียนจากโรงเรียนจุฬาภรฯพื้นที่อื่น สุดท้ายผ่านเข้ารอบเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งต่อที่ฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่น และเป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปต่างประเทศเพราะการทำเกม ก็เลยรู้สึกว่าผมทำเกมได้นะ น่าจะทำได้ดีด้วย”
ต่อมา เมื่อมีโจทย์จากงานแข่งขันสร้างนวัตกรรมเพื่อพัฒนาผู้พิการ “ผมที่สนใจด้านเกมอยู่แล้วเลยคิดว่า ถ้าเกมสามารถช่วยเพิ่มศักยภาพให้อุปกรณ์การฝึกซ้อมของนักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่งได้ก็คงดี” จึงเกิดโปรเจกต์ชื่อ Wheelplay โดยภูมิและเพื่อนร่วมทีมออกแบบให้วีลแชร์ติดตั้งกับแท่นยึด ใช้เซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวของล้อ ต่อจอภาพแสดงสนามจำลอง ทำให้นักกีฬาไม่ต้องฝึกซ้อมสนามจริงกลางแจ้ง “ในกรณีที่ฝนตก อากาศไม่เอื้ออำนวย เราก็ยังสามารถฝึกและจดบันทึกสถิตินักกีฬา”
นี่คือโครงงานที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับประเทศและนานาชาติรวม 8 รางวัล รวมทั้งพาภูมิเดินทางไปอีกหลายประเทศ
“แต่ผมก็ยังคงมองการสร้างเกมเป็นแค่งานอดิเรก”
ทางเลือก
หลังเรียนจบมัธยม ภูมิไม่ได้มุ่งสู่สาขาวิชาการพัฒนาเกมเป็นที่แรก แต่เลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
“ส่วนหนึ่งผมเลือกตามเพื่อนอีกสามสี่คนด้วย แต่แล้วโควิดก็มา ทำให้ต้องอยู่คนเดียวในห้อง ไม่ได้ออกไปไหน เรียนออนไลน์" ที่หวังจะได้ใช้เวลากับเพื่อน ก็ไม่ค่อยได้เจอเพื่อน
“เลยมีเวลาทบทวนตัวเอง
“ผมรู้สึกเหมือนมีบางอย่างข้างในที่ถูกกักเอาไว้ รู้สึกว่าต้องตามหาพื้นที่ปลดปล่อย แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจอีกอยู่ดีว่าอยากทำเกม รู้แค่ว่าไม่อยากทำสิ่งที่ทำอยู่ ก็เลยลองโทรปรึกษาหลาย ๆ คน ทั้งเพื่อนมัธยม อาจารย์ และ พี่ปัน (นักพัฒนาเกมจาก Urnique Studio สตูดิโอสร้างเกมของไทย)
“ผมกับพี่ปันเคยเจอกันในงาน National Software Contest งานแข่งซอฟต์แวร์ระดับประเทศของเด็กมหา’ลัยกับเด็กมัธยม ผมไปรุ่นมัธยม นำโปรเจกต์ Wheelplay ไปประกวด ส่วนพี่ปันเป็นรุ่นพี่ ห่างกันประมาณ 4-5 ปี มาจากคณะเทคโนโลยีมีเดีย สาขาวิชาการพัฒนาเกม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งการแข่งปีนั้นทีมพี่ปันได้ที่หนึ่ง”
จากเคยต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตด้วยตัวเองเป็นหลัก ในที่สุดภูมิก็ค้นพบว่าเขายังมีผู้คนรอบข้างที่พร้อมให้คำปรึกษา มอบความเห็นให้พิจารณา “สะท้อนตัวเองว่าเราเก่งด้านไหน ทำอะไรได้ดี แล้วเราชอบหรือมีความสุขกับอะไรถึงจะทำสิ่งนั้นไปได้นาน ผมลองทบทวนตัวเองแล้วพบว่า
“รากเรามาจากเกมนี่หว่า
“ตั้งแต่การแข่งขันแฮกกาธอน โปรเจกต์วีลเพย์ ที่พาผมเดินทางไปญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ ‘สิ่งที่พาเราไปไกลที่สุดก็คือเกม’
“ผมอยากทำเกมที่คนเล่นแล้วสนุก สร้างประสบการณ์ที่ดีให้เขาได้”
“แต่ก็ยังไม่คุยกับพ่อแม่เลยทันที ค่อนข้างใช้เวลานานกว่าจะบอกครับ ตอนนั้นเรียนปีสองเทอมหนึ่ง เราคุยกับทุกคนจนเรามั่นใจก่อน แล้วพอทราบจากพี่ปันว่าที่ มจธ. มีทุนเพชรพระจอมเกล้า ซึ่งส่งเสริมโปรเจ็กต์การสร้างเกมที่เราอยากทำ ก็คิดว่าเป็นทุนที่ตรงกับเราดี เลยไปบอกพ่อแม่ว่าผมอยากซิ่วนะ ขอพักการเรียนไว้ ลองไปสมัครดู ถ้าไม่ได้ผมจะกลับมาเรียนต่อเหมือนเดิม แต่ถ้าได้ ผมจะย้ายไปเรียนใหม่อีกประมาณ 4 ปี
“อธิบายกับพวกท่านว่าเรียนที่ มจธ. ดีกว่า เพราะตอนอยู่ จุฬาฯ ผมขอทุนได้แค่เทอมสองเทอม แล้วไม่ใช่ทุนสำคัญ แต่ทุนเพชรพระจอมเกล้าจะช่วยแบ่งเบาพ่อแม่ได้ คำนวณค่าใช้จ่ายก็ยังไม่เกินกว่าที่วางไว้
“ซึ่งพ่อแม่ผมดีมากเลยนะ รู้สึกขอบคุณมาก ตอนนั้นการเรียนด้านเกมยังไม่เป็นที่ยอมรับ แต่พวกท่านก็สนับสนุน”
ทางเลือกใหม่
“มจธ. เป็นคำตอบว่านี่แหละ คือที่ที่เรามาปลอดปล่อย มาลองล้ม มาลองสร้างสิ่งต่าง ๆ ได้
“ผมว่าการที่ผมมา มจธ. แล้วไปได้ไกลขึ้นก็เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมของคนที่อย่างน้อยก็มีความสนใจด้านเกมเหมือนกัน พอเข้ามาแล้วเจอคนที่มีความสนใจเท่ากันก็มีใจฮึดสู้ เพราะที่นี่ไม่ได้มีแค่เด็กเรียนเกมที่อยากทำเกม ผมเคยไปทำเกมกับพวกเด็กฟิล์ม เด็กมีเดียร์อาร์ต เราหาคอนเน็กชั่นได้เยอะ เพราะ มจธ. มีคนเรียนสายดิจิทัลอาร์ตค่อนข้างเยอะ เราก็หาคนที่เข้ามาร่วมอุดมการณ์กับเราได้ง่ายขึ้น แล้วมหาวิทยาลัยก็สนับสนุนการทำโปรเจกต์ ที่นี่มีเครือข่ายที่พร้อมช่วยเหลือ อย่างทุนเพชรพระจอมเกล้าเอง ถ้าเราทำโปรเจกต์ไปแข่งแล้วได้รางวัลระดับชาติ เขาก็จะให้เงินสนับสนุน ส่วนในแง่การศึกษา ก็มีคณะอาจารย์ที่เคยทำเกมมาแล้วช่วยให้คำปรึกษาได้”
ตอนนี้ทำเกมอะไรอยู่
"Siamassagi ครับ เป็นเกมบริหารร้านนวด บวกกับการผจญภัย มียิงปืน ช่วยตัวละครสาว ๆ ต่างมิติ (ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวรรณคดีไทยอย่าง เสือสมิง พญานาค แมวกวัก) แล้วชวนมาอยู่ร้านนวดกับเรา โดยใช้พลังที่แตกต่างกันของตัวละครในการพัฒนาร้าน เป็นเกมแนว Cozy ผสม Adventure"
มองอนาคตในฐานะคนสร้างเกมอย่างไร
"มองในแง่ดีสุด ๆ ครับ อยากให้ Siamassagi ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่เพราะว่าเราทำเกมไทยเนื้อหาไทย ๆ ก็เลยอยากให้คนไทยด้วยกันช่วยกันซื้อ แต่หวังว่าสิ่งที่เราทำจะเป็นรสชาติใหม่ ให้โลกได้รู้ว่าเกมไม่ได้มีแค่จากญี่ปุ่นหรือตะวันตก อยากให้ผู้เล่นลองมาชิมดูว่าอร่อยไหม อยากให้เกมไประดับสากล แล้วทำให้เราสามารถหล่อเลี้ยงตัวเองกับทีมด้วยเกมนี้ได้ อยากสร้างบริษัท IGNITE GAME STUDIO ที่จะผลิตเกมออกมาเรื่อย ๆ"
ทุกวันนี้ภาพลักษณ์ที่สังคมมีต่อเกมค่อนข้างดีขึ้น ผู้คนเริ่มมองเห็นแล้วว่าเกมทำได้มากกว่าแค่ให้ความสนุกสนาน สามารถเป็นสื่อการเรียนรู้ นำไปใช้พัฒนาศักยภาพ อย่างเช่นโปรเจกต์ Wheelplay ที่ภูมิทำ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่อาจไม่เข้าใจ ภูมิอยากสื่อสารอะไรกับคนที่มองเกมในทางลบ
“ทุกวันนี้เราไม่ได้แค่ดูหนังหรืออ่านหนังสือ แต่เกมกลายเป็นหนึ่งในสื่อที่สามารถตัดสินได้ว่าคนรุ่นใหม่จะสนใจอะไร ถ้าเราใส่ใจในการสร้างเกมให้ออกมาดี ผมว่ามันจะกำหนดทิศทางของคนรุ่นใหม่ได้ และผมคิดว่าสังคมคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันเกมกลายเป็นสื่อหลักของคนรุ่นใหม่ไปแล้ว
“ผมว่าสื่อประเภทต่าง ๆ มีข้อดีข้อเสีย เราไปตีตราไม่ได้ว่าสื่อประเภทนี้มีแต่สิ่งที่ไม่ดีนะ เพราะทั้งภาพยนตร์ หนังสือ เกม ก็คือสื่อประเภทหนึ่งที่เอาไว้สื่อสารและให้ความบันเทิง ถ้าเราใช้สื่อสารในด้านดี ก็จะเป็นเรื่องที่ดี”
แล้วสิ่งที่ SIAMASSAGI อยากสื่อสารคืออะไร
“การให้โอกาสคนครับ ตัวละครหลักของเราคือ นายน้อย เขาเป็นทายาทของร้านนวดแผนไทย ที่ไปเจอกับสาว ๆ ต่างมิติ และถึงแม้จะได้รับรู้เรื่องราว (ของเหล่าปีศาจสาว) นายน้อยก็ยังให้โอกาสพวกเขาเข้ามาในร้านนวด แบบว่า ‘ฉันจะช่วยเธอ ไม่ว่าเธอจะเคยมีประสบการณ์ย่ำแย่แค่ไหน เรามาอยู่ด้วยกัน แล้วช่วยกันทำให้ทุกอย่างดีขึ้น’
"ผมว่าการให้โอกาสคน การเชื่อใจคนอื่น ให้โอกาสคนอื่นได้ปรับปรุงตัวเป็นเรื่องดี”
ส่งท้าย
จากเด็กชายผู้แอบเล่นเกมในโน้ตบุ๊กของลูกป้า สู่การเติบโตมาเป็นนักพัฒนาเกมรุ่นใหม่ ภายใต้ทีม IGNITE GAME STUDIO เส้นทางของภูมิเต็มไปด้วยสถานการณ์ให้ต้องตัดสินใจ ท่ามกลางความสับสน ล้ม ลุก ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ และวันนี้ ภูมิกำลังส่งต่อความเชื่อผ่านเกมที่เขาและทีมช่วยกันสร้าง
ความเชื่อในเรื่องของ "โอกาส"
บางที ตอนจบที่งดงามของเกมชีวิต อาจไม่ได้เกิดจากการเลือกอย่างไร้ข้อผิดพลาด แต่อยู่ที่การเชื่อมั่นว่า หากเรายังสู้ และยังให้โอกาสทั้งตัวเองและผู้อื่นได้เล่นต่อ สักวันเราย่อมจะปลดล็อกฉากจบที่วาดฝันเอาไว้ได้
เหมือนอย่างที่นักพัฒนาเกมไทยสายเลือด มจธ. ผู้นี้กำลังพยายามอยู่
Categories
Hashtags