นักพัฒนาเกมรุ่นใหม่ที่ฝันอยากพาเกมไทยไประดับสากล
Published: 13 August 2025
68 views




“พ่อแม่ผมทำเฉาก๊วยบรรจุขวดยี่ห้อ ช.โชคดี ส่งขายในอำเภอโพนทองจังหวัดร้อยเอ็ดและระแวกใกล้เคียงครับ ทั้งคู่ไม่ได้เรียนจบสูง ไม่ได้เข้ามหาวิทยาลัย วุฒิการศึกษาระดับมัธยม แต่ก็พยายามส่งผมเรียน พวกท่านให้ผมเลือกว่าอยากเรียนอะไร สำหรับผมรู้สึกค่อนข้างน่ากลัวนิด ๆ ที่ต้องถางทางมาเอง”

ภูมิ (เอกรัฐภูมิ พละหาญ) บอกเล่าความท้าทายของชีวิตวัยเรียนที่หากเปรียบเป็นเกม สถานการณ์เช่นนี้คงคล้ายดังด่านทดสอบวัดใจในเกมประเภท Choices Matter ไม่มีใครรู้แน่ว่าอะไรคือคำตอบที่ทอดนำสู่ตอนจบอันแสนสุข


“ผมต้องพยายามลองเข้าไปดูว่าอันนี้ดีหรือไม่ดีด้วยตัวเอง ทั้งเข้าไปเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์เอง เลือกมหาวิทยาลัยเอง”


ภูมิจบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย จังหวัดมุกดาหาร โรงเรียนประจำสำหรับนักเรียนที่มีศักยภาพสูงหรือมีความสามารถพิเศษด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ เขาได้รับทุนสนับสนุนตลอดช่วงชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ปัจจุบันภูมิศึกษาอยู่ระดับปริญญาตรี ชั้นปีที่ 4 คณะเทคโนโลยีมีเดีย สาขาวิชาการพัฒนาเกม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในฐานะนักศึกษาทุนเพชรพระจอมเกล้าด้านนวัตกรรม

Siamassagi คือเกมล่าสุดที่ภูมิกับเพื่อนพัฒนารวมกันภายใต้ชื่อทีมผู้สร้างว่า IGNITE GAME STUDIO โดยเปิดให้คนทั่วไปทดลองเล่นตัวอย่างมาแล้วในงาน GAME FESTIVAL+ 3 และกำลังจะเปิดให้ทดลองเล่นเวอร์ชั่นล่าสุดในงาน THAILAND INTERNATIONAL GAME SHOWCASE 2025 วันที่ 23 – 24 สิงหาคม 2025 ณ PARAGON HALL ชั้น 5, Siam Paragon

ในฐานะคลื่นลูกใหม่แห่งวงการนักพัฒนาเกมไทยที่ต้องเลือกเส้นทางชีวิตด้วยตัวเอง ประวัติข้างต้นของภูมิบ่งบอกชัดว่าเขาตัดสินใจได้ดี แต่กว่าจะมาถึงจุดนี้ ภูมิต้องผ่านทางเลือกอะไรมาบ้าง 


เด็กชายผู้หลงเสน่ห์วิดีโอเกม

“ผมเริ่มเล่นเกมตั้งแต่ ป.3 - ป.4 ตอนนั้นอยู่จังหวัดอุบลราชธานีกับป้า ลูกของป้ามีโน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่ง แล้วตอนที่พี่เขายังไม่ตื่น ผมก็แอบไปเล่น” เล่นเกมกบยิงลูกแก้ว (Zuma) เกมปลาฉลาม (Feeding Frenzy) กับเกมสามัญประจำเครื่องอื่น ๆ ที่ร้านคอมพิวเตอร์มักติดตั้งไว้ให้ลูกค้า “มีหลายเกมช่วยเปิดจินตนาการของผมมาก รู้สึกว่าเกมทำอะไรได้หลายอย่าง” นอกจากความสนุกสนาน “เกมยังสร้างอารมณ์ร่วมให้เราผ่านเรื่องเล่าได้

“แล้วช่วง ม.ต้น ผมก็ย้ายมาอยู่กับพ่อแม่ที่ร้อยเอ็ด ตอนนั้นสอบติดโครงการ Gifted Program ของโรงเรียนโพนทองพัฒนาวิทยา ได้ไปแข่งสร้างหุ่นยนต์ แข่งสร้างเว็บไซต์ เลยมีโอกาสศึกษาเรื่องการเขียนโปรแกรมและการออกแบบ แต่ความฝันยังไม่ได้ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างว่าจะไปทางไหน”


จากผู้เล่นกลายเป็นผู้สร้าง

กระทั่ง “ผมไปเรียน ม.ปลายที่โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย แล้วได้รู้จักโครงการ Hackathon (แฮกกาธอน มาจากการผสมคำระหว่าง Hacking + Marathon ปัจจุบันเรียกการแข่งขันนี้ว่า Game Jam) ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างโรงเรียนวิทยาศาสตร์ของประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่น เขาให้แข่งสร้างเกมตามโจทย์ภายในเวลา 48 ชั่วโมง ไม่ต้องนอนกันเลย (หัวเราะ)

“ผมสมัครเข้าไปรวมทีมกับนักเรียนจากโรงเรียนจุฬาภรฯพื้นที่อื่น สุดท้ายผ่านเข้ารอบเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งต่อที่ฮอกไกโดประเทศญี่ปุ่น และเป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปต่างประเทศเพราะการทำเกม ก็เลยรู้สึกว่าผมทำเกมได้นะ น่าจะทำได้ดีด้วย”

ต่อมา เมื่อมีโจทย์จากงานแข่งขันสร้างนวัตกรรมเพื่อพัฒนาผู้พิการ “ผมที่สนใจด้านเกมอยู่แล้วเลยคิดว่า ถ้าเกมสามารถช่วยเพิ่มศักยภาพให้อุปกรณ์การฝึกซ้อมของนักกีฬาวีลแชร์เรซซิ่งได้ก็คงดี” จึงเกิดโปรเจกต์ชื่อ Wheelplay โดยภูมิและเพื่อนร่วมทีมออกแบบให้วีลแชร์ติดตั้งกับแท่นยึด ใช้เซ็นเซอร์จับการเคลื่อนไหวของล้อ ต่อจอภาพแสดงสนามจำลอง ทำให้นักกีฬาไม่ต้องฝึกซ้อมสนามจริงกลางแจ้ง “ในกรณีที่ฝนตก อากาศไม่เอื้ออำนวย เราก็ยังสามารถฝึกและจดบันทึกสถิตินักกีฬา”

นี่คือโครงงานที่ได้รับรางวัลจากการแข่งขันระดับประเทศและนานาชาติรวม 8 รางวัล รวมทั้งพาภูมิเดินทางไปอีกหลายประเทศ

“แต่ผมก็ยังคงมองการสร้างเกมเป็นแค่งานอดิเรก”


ทางเลือก

หลังเรียนจบมัธยม ภูมิไม่ได้มุ่งสู่สาขาวิชาการพัฒนาเกมเป็นที่แรก แต่เลือกเรียนคณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

“ส่วนหนึ่งผมเลือกตามเพื่อนอีกสามสี่คนด้วย แต่แล้วโควิดก็มา ทำให้ต้องอยู่คนเดียวในห้อง ไม่ได้ออกไปไหน เรียนออนไลน์" ที่หวังจะได้ใช้เวลากับเพื่อน ก็ไม่ค่อยได้เจอเพื่อน

“เลยมีเวลาทบทวนตัวเอง

“ผมรู้สึกเหมือนมีบางอย่างข้างในที่ถูกกักเอาไว้ รู้สึกว่าต้องตามหาพื้นที่ปลดปล่อย แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจอีกอยู่ดีว่าอยากทำเกม รู้แค่ว่าไม่อยากทำสิ่งที่ทำอยู่ ก็เลยลองโทรปรึกษาหลาย ๆ คน ทั้งเพื่อนมัธยม อาจารย์ และ พี่ปัน (นักพัฒนาเกมจาก Urnique Studio สตูดิโอสร้างเกมของไทย)

“ผมกับพี่ปันเคยเจอกันในงาน National Software Contest งานแข่งซอฟต์แวร์ระดับประเทศของเด็กมหา’ลัยกับเด็กมัธยม ผมไปรุ่นมัธยม นำโปรเจกต์ Wheelplay ไปประกวด ส่วนพี่ปันเป็นรุ่นพี่ ห่างกันประมาณ 4-5 ปี มาจากคณะเทคโนโลยีมีเดีย สาขาวิชาการพัฒนาเกม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งการแข่งปีนั้นทีมพี่ปันได้ที่หนึ่ง”

จากเคยต้องตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตด้วยตัวเองเป็นหลัก ในที่สุดภูมิก็ค้นพบว่าเขายังมีผู้คนรอบข้างที่พร้อมให้คำปรึกษา มอบความเห็นให้พิจารณา “สะท้อนตัวเองว่าเราเก่งด้านไหน ทำอะไรได้ดี แล้วเราชอบหรือมีความสุขกับอะไรถึงจะทำสิ่งนั้นไปได้นาน ผมลองทบทวนตัวเองแล้วพบว่า

“รากเรามาจากเกมนี่หว่า

“ตั้งแต่การแข่งขันแฮกกาธอน โปรเจกต์วีลเพย์ ที่พาผมเดินทางไปญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ ‘สิ่งที่พาเราไปไกลที่สุดก็คือเกม’

“ผมอยากทำเกมที่คนเล่นแล้วสนุก สร้างประสบการณ์ที่ดีให้เขาได้”

“แต่ก็ยังไม่คุยกับพ่อแม่เลยทันที ค่อนข้างใช้เวลานานกว่าจะบอกครับ ตอนนั้นเรียนปีสองเทอมหนึ่ง เราคุยกับทุกคนจนเรามั่นใจก่อน แล้วพอทราบจากพี่ปันว่าที่ มจธ. มีทุนเพชรพระจอมเกล้า ซึ่งส่งเสริมโปรเจ็กต์การสร้างเกมที่เราอยากทำ ก็คิดว่าเป็นทุนที่ตรงกับเราดี เลยไปบอกพ่อแม่ว่าผมอยากซิ่วนะ ขอพักการเรียนไว้ ลองไปสมัครดู ถ้าไม่ได้ผมจะกลับมาเรียนต่อเหมือนเดิม แต่ถ้าได้ ผมจะย้ายไปเรียนใหม่อีกประมาณ 4 ปี

“อธิบายกับพวกท่านว่าเรียนที่ มจธ. ดีกว่า เพราะตอนอยู่ จุฬาฯ ผมขอทุนได้แค่เทอมสองเทอม แล้วไม่ใช่ทุนสำคัญ แต่ทุนเพชรพระจอมเกล้าจะช่วยแบ่งเบาพ่อแม่ได้ คำนวณค่าใช้จ่ายก็ยังไม่เกินกว่าที่วางไว้

“ซึ่งพ่อแม่ผมดีมากเลยนะ รู้สึกขอบคุณมาก ตอนนั้นการเรียนด้านเกมยังไม่เป็นที่ยอมรับ แต่พวกท่านก็สนับสนุน”


ทางเลือกใหม่

“มจธ. เป็นคำตอบว่านี่แหละ คือที่ที่เรามาปลอดปล่อย มาลองล้ม มาลองสร้างสิ่งต่าง ๆ ได้

“ผมว่าการที่ผมมา มจธ. แล้วไปได้ไกลขึ้นก็เพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมของคนที่อย่างน้อยก็มีความสนใจด้านเกมเหมือนกัน พอเข้ามาแล้วเจอคนที่มีความสนใจเท่ากันก็มีใจฮึดสู้ เพราะที่นี่ไม่ได้มีแค่เด็กเรียนเกมที่อยากทำเกม ผมเคยไปทำเกมกับพวกเด็กฟิล์ม เด็กมีเดียร์อาร์ต เราหาคอนเน็กชั่นได้เยอะ เพราะ มจธ. มีคนเรียนสายดิจิทัลอาร์ตค่อนข้างเยอะ เราก็หาคนที่เข้ามาร่วมอุดมการณ์กับเราได้ง่ายขึ้น แล้วมหาวิทยาลัยก็สนับสนุนการทำโปรเจกต์ ที่นี่มีเครือข่ายที่พร้อมช่วยเหลือ อย่างทุนเพชรพระจอมเกล้าเอง ถ้าเราทำโปรเจกต์ไปแข่งแล้วได้รางวัลระดับชาติ เขาก็จะให้เงินสนับสนุน ส่วนในแง่การศึกษา ก็มีคณะอาจารย์ที่เคยทำเกมมาแล้วช่วยให้คำปรึกษาได้”

ตอนนี้ทำเกมอะไรอยู่

"Siamassagi ครับ เป็นเกมบริหารร้านนวด บวกกับการผจญภัย มียิงปืน ช่วยตัวละครสาว ๆ ต่างมิติ (ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวรรณคดีไทยอย่าง เสือสมิง พญานาค แมวกวัก) แล้วชวนมาอยู่ร้านนวดกับเรา โดยใช้พลังที่แตกต่างกันของตัวละครในการพัฒนาร้าน เป็นเกมแนว Cozy ผสม Adventure"

มองอนาคตในฐานะคนสร้างเกมอย่างไร

"มองในแง่ดีสุด ๆ ครับ อยากให้ Siamassagi ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่เพราะว่าเราทำเกมไทยเนื้อหาไทย ๆ ก็เลยอยากให้คนไทยด้วยกันช่วยกันซื้อ แต่หวังว่าสิ่งที่เราทำจะเป็นรสชาติใหม่ ให้โลกได้รู้ว่าเกมไม่ได้มีแค่จากญี่ปุ่นหรือตะวันตก อยากให้ผู้เล่นลองมาชิมดูว่าอร่อยไหม อยากให้เกมไประดับสากล แล้วทำให้เราสามารถหล่อเลี้ยงตัวเองกับทีมด้วยเกมนี้ได้ อยากสร้างบริษัท IGNITE GAME STUDIO ที่จะผลิตเกมออกมาเรื่อย ๆ"


ทุกวันนี้ภาพลักษณ์ที่สังคมมีต่อเกมค่อนข้างดีขึ้น ผู้คนเริ่มมองเห็นแล้วว่าเกมทำได้มากกว่าแค่ให้ความสนุกสนาน สามารถเป็นสื่อการเรียนรู้ นำไปใช้พัฒนาศักยภาพ อย่างเช่นโปรเจกต์ Wheelplay ที่ภูมิทำ แต่ก็ยังมีบางส่วนที่อาจไม่เข้าใจ ภูมิอยากสื่อสารอะไรกับคนที่มองเกมในทางลบ

“ทุกวันนี้เราไม่ได้แค่ดูหนังหรืออ่านหนังสือ แต่เกมกลายเป็นหนึ่งในสื่อที่สามารถตัดสินได้ว่าคนรุ่นใหม่จะสนใจอะไร ถ้าเราใส่ใจในการสร้างเกมให้ออกมาดี ผมว่ามันจะกำหนดทิศทางของคนรุ่นใหม่ได้ และผมคิดว่าสังคมคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ปัจจุบันเกมกลายเป็นสื่อหลักของคนรุ่นใหม่ไปแล้ว

“ผมว่าสื่อประเภทต่าง ๆ มีข้อดีข้อเสีย เราไปตีตราไม่ได้ว่าสื่อประเภทนี้มีแต่สิ่งที่ไม่ดีนะ เพราะทั้งภาพยนตร์ หนังสือ เกม ก็คือสื่อประเภทหนึ่งที่เอาไว้สื่อสารและให้ความบันเทิง ถ้าเราใช้สื่อสารในด้านดี ก็จะเป็นเรื่องที่ดี”


แล้วสิ่งที่ SIAMASSAGI อยากสื่อสารคืออะไร

“การให้โอกาสคนครับ ตัวละครหลักของเราคือ นายน้อย เขาเป็นทายาทของร้านนวดแผนไทย ที่ไปเจอกับสาว ๆ ต่างมิติ และถึงแม้จะได้รับรู้เรื่องราว (ของเหล่าปีศาจสาว) นายน้อยก็ยังให้โอกาสพวกเขาเข้ามาในร้านนวด แบบว่า ‘ฉันจะช่วยเธอ ไม่ว่าเธอจะเคยมีประสบการณ์ย่ำแย่แค่ไหน เรามาอยู่ด้วยกัน แล้วช่วยกันทำให้ทุกอย่างดีขึ้น’

"ผมว่าการให้โอกาสคน การเชื่อใจคนอื่น ให้โอกาสคนอื่นได้ปรับปรุงตัวเป็นเรื่องดี”

ส่งท้าย

จากเด็กชายผู้แอบเล่นเกมในโน้ตบุ๊กของลูกป้า สู่การเติบโตมาเป็นนักพัฒนาเกมรุ่นใหม่ ภายใต้ทีม IGNITE GAME STUDIO เส้นทางของภูมิเต็มไปด้วยสถานการณ์ให้ต้องตัดสินใจ ท่ามกลางความสับสน ล้ม ลุก ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ยังไม่ยอมแพ้ และวันนี้ ภูมิกำลังส่งต่อความเชื่อผ่านเกมที่เขาและทีมช่วยกันสร้าง

ความเชื่อในเรื่องของ "โอกาส"

บางที ตอนจบที่งดงามของเกมชีวิต อาจไม่ได้เกิดจากการเลือกอย่างไร้ข้อผิดพลาด แต่อยู่ที่การเชื่อมั่นว่า หากเรายังสู้ และยังให้โอกาสทั้งตัวเองและผู้อื่นได้เล่นต่อ สักวันเราย่อมจะปลดล็อกฉากจบที่วาดฝันเอาไว้ได้

เหมือนอย่างที่นักพัฒนาเกมไทยสายเลือด มจธ. ผู้นี้กำลังพยายามอยู่










Categories

Comments
To join the comment, please sign in.
Sign in
Don’t have an account? Register
Loading comments...