ความเดิมตอนที่แล้ว
แม้ชักชวนเพื่อนลงแข่งขันสร้างนวัตกรรมจนสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศระดับประเทศมาครองได้สำเร็จ แต่ณัฐกลับมองไม่เห็นความยั่งยืนของสิ่งที่เธอและกลุ่มอุตส่าห์สร้าง กระทั่งมีโอกาสเข้าร่วมโครงการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ ณัฐจึงค้นพบว่า หนทางสร้างความยั่งยืนแก่นวัตกรรม ก็คือการมีแผนธุรกิจการเงินมารองรับพร้อมกับเลือกจับประเด็นปัญหาที่ทุกคนในคณะทำงานต่างใส่ใจอย่างจริงจัง เช่นนั้น โครงการ Eduvice เว็บไซต์ส่งตรงข้อมูลการศึกษาจึงเกิดขึ้น โดยวางเป้าหมายไว้ให้เป็นศูนย์รวบรวมข้อมูลการศึกษาซึ่งครบถ้วนสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ และเป้าหมายระยะไกล อยากให้วงการการศึกษาไทยในช่วงมัธยมปลายมีอะไรมากกว่าการเรียนในห้องเรียน
ณัฐเล่าว่าขณะที่เพื่อนสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งกำลังพัฒนาเว็บไซต์กันอยู่นั้น เธอที่เป็นฝ่ายดูแลด้านธุรกิจก็ไม่รอช้า เริ่มออกไปหาลูกค้าทันที ทำให้ต่อมา โครงการ Eduvice ที่มีพร้อมทั้งผู้ใช้จริง แนวคิด และต้นแบบ ได้รับการสนับสนุนจากแหล่งทุน
ทุกอย่างดูดำเนินไปได้ดี สมาชิกเร่งจัดการพัฒนาเว็บไซต์ให้สมบูรณ์ ด้วยความปรารถนาแรงกล้าที่จะช่วยเหลือเยาวชนไทยให้รู้จักตัวเอง
แต่ว่า...
อุปสรรคที่ทำให้ฝันพลันชะงัก
“แต่ว่าก็ยังไม่สามารถเปิดตัวใช้งานจริง เพราะเกิดปัญหา เนื่องจากข้อมูลที่ดึงมาไม่เป็นโครสร้างเดียวกัน เช่น ปกติหลักสูตรจะเป็นไฟล์ PDF ใช่ไหมคะ แต่บางที่เป็นรูปถ่าย บางที่ก็เป็นข้อความ แล้วแต่ละที่ก็พิมพ์เลขอารบิกบ้างไทยบ้าง (หัวเราะ) อึ้ง ‘โห ต้องจัดการยังไง’ แล้วตอนนั้นณัฐกำลังทำโปรเจกต์จบไปด้วย ทุลักทุเลมาก ๆ มันยากในเชิง automate (การทำให้กระบวนการหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ดำเนินการเองอัตโนมัติ โดยใช้เทคโนโลยีหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อลดการมีส่วนร่วมของมนุษย์) คือถ้าให้เรามานั่งกรอกข้อมูลด้วยมือเองคงได้” แต่ด้วยจำนวนสมาชิกเพียงไม่กี่คน วิธีนี้จะใช้เวลานานมาก “ตอนนั้นเลยจัดการได้แค่ข้อมูลจากคณะที่เกี่ยวข้องกับไอที”
ยังไม่ครอบคลุมครบทุกสาขาวิชาตามเป้า
“ซึ่งเราก็แจ้ง TEDFund ไปตามตรงว่า เราทำเอไอเสร็จแล้ว ทำเว็บไซต์เสร็จแล้ว แต่ติดเรื่องตัวข้อมูล คิดไม่ออกจะรวบรวมอย่างไร ซึ่งหลังแจ้งไปแบบนั้น ส่วนตัวณัฐก็รู้สึกว่าเขาอุตส่าห์ให้ทุนเรามา ณัฐต้องทำอะไรสักอย่าง เลยไปร่วมโครงการ Healthy City Creators ของกลุ่ม ‘ยังธน’ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ดำเนินงานในลักษณะของธุรกิจเพื่อสังคม ณัฐเข้าไปทำเรื่องช่วยให้เด็ก ม.ปลาย เข้าใจตัวเอง จนได้ข้อมูลเชิงลึกจากเด็ก ๆ ที่จับต้องได้มากขึ้น ก่อนหน้านี้เราได้ข้อมูลจากออนไลน์เป็นหลัก พอณัฐเข้าไปคุยกับเด็ก ไปนั่งเป็นที่ปรึกษา ก็ได้รู้ว่าแต่ละคนมีข้อสงสัยประมาณไหน ถ้าช่วง MVP เป็นการทำงานแบบดิจิตอล ช่วงนี้คือการลงพื้นที่จริง ได้รู้ปฏิกิริยาของน้องจริง ๆ
“ณัฐทำโครงการนี้ควบคู่ไปกับตอนที่เพื่อนกำลังติดขัดเรื่องทางเทคนิค”
ซึ่งยังคงไร้ทางออก
จนกระทั่งผ่านมาถึงช่วงที่ทุกคนเรียนจบ “พวกเราก็นั่งจ๋อย เพราะแก้ไขปัญหาไม่ได้ โครงการ Eduvice ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด รู้เลยทำไมเขาไม่ทำกัน เราทำทำไมนะ"
“แต่ว่าเราอยากทำให้เกิดจริง ๆ จึงมานั่งคิดกันอีกรอบว่า ‘จะรวบรวมหลักสูตรยังไงดี’ แล้วสมาชิกในทีมก็เสนอว่า ‘เรามีเพื่อนตั้งเยอะแยะ ทำไมเราไม่ให้เพื่อนช่วยกรอกล่ะ’ ณัฐก็ ‘เออ จริงด้วย (หัวเราะ)’ ให้พี่ ๆ มหาวิทยาลัยจากแต่ละหลักสูตรช่วยกันกรอกดีกว่า อันนี้เป็นความคิดพัตเตอร์กับโฟล์ค แต่ว่าคุณคอปเตอร์ (ผู้ร่วมก่อตั้ง Eduvice) ที่เรียนอยู่ญี่ปุ่น เขาก็หาอีกวิธีมาช่วย ด้วยการเขียนโค้ดให้สามารถดึงข้อมูลหลักสูตรเบื้องต้นจากเว็บไซต์ได้ จึงนำสองวิธีมาใช้ผนวกกัน แล้วตรวจทานความถูกต้องอีกครั้ง ก่อนจะเปิดตัว eduvice.app ในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้”
ก้าวต่อไปของ Eduvice เพื่อเป็นมากกว่าเว็บไซต์ให้ข้อมูล
หลังจากนี้ Eduvice จะไปคุยกับบริษัทต่าง ๆ “เพื่อเปิดโครงการให้น้องลองฝึกงาน” เพราะสมาชิกผู้ก่อตั้งเห็นพ้องต้องกันว่า แค่ดูประมวลรายวิชายังไม่พอ “ต้องคิดไกลกว่านั้น คิดให้ครบวงจร ถึงแม้น้อง ๆ มีข้อมูลแล้ว แต่อาจยังขาดประสบการณ์ที่จะใช้ประกอบการตัดสินใจว่าข้อมูลดังกล่าวใช้ช่วยอะไรเขาได้บ้าง เขาชอบจริงหรือเปล่า
“เราไม่อยากให้นักเรียนเป็นแค่คนที่นั่งเรียนไปเพื่อตอบข้อสอบวัดผล แต่เราอยากให้เปลี่ยนจากคำว่า student เป็น learner คือ เลือกเรียนในสิ่งที่อยากรู้ ทดลองในสิ่งที่อยากทำ ลงมือทำในสิ่งที่อยากสำเร็จ
“Eduvice ทำเรื่องการฝึกงาน เพื่อให้บริษัทมาเจอกับเยาวชนที่มีความสามารถ แล้วรับทุนสนับสนุนจากตรงนั้น
“ซึ่งสมมุติรูปแบบที่วางไว้ประสบความสำเร็จ คงจะมีบริษัทที่ต้องการทำตามเรามากขึ้น” เด็กไทยก็จะมีที่ฝึกงานก่อนเข้ามหาวิทยาลัยมากขึ้น และในอนาคต ปัญหาการค้นพบตัวเองช้าจนต้องเสียเวลาย้ายที่เรียนใหม่ คงคลี่คลาย หรืออาจผ่อนบรรเทาลงได้ในที่สุด
Categories
Hashtags