ซ้อมลงนรก เมื่อการเล่นเกมสอนให้รู้ซึ้งถึงผลกระทบของการทำลายสิ่งแวดล้อม
Published: 31 July 2025
5 views



หากพูดถึง "เกม" ใครหลายคนคงมองเห็นเป็นสื่อบันเทิงที่คอยสร้างความสนุกสนานผ่านการต่อสู้แข่งขัน ทำภารกิจ ไขปริศนา มากกว่าจะมองเป็น "เครื่องมือเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม" แต่กระนั้นก็ยังมีเกมอีกจำนวนหนึ่งที่ผู้สร้างได้แฝงฝากแนวคิดเกี่ยวกับการอนุรักษณ์และคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติไว้อย่างแยบยล เพื่อให้ผู้เล่นแต่ละคนได้มองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างตนกับ "ระบบนิเวศ"

และนี่คือ 3 เกมตัวอย่างที่แม้ไม่ได้นำเสนอภาพลักษณ์หลักว่า “ฉันรักโลก” แต่ก็มีระบบกลไกที่เป็นดั่งแบบจำลอง เป็นเงาสะท้อนของโลกจริง ให้ผู้เล่นลิ้มรสบทลงโทษว่า เมื่อเราละเลยหรือทำลายสิ่งแวดล้อมลง ก็ย่อมจะมีผลกระทบตามมาในระดับที่สามารถพลิกผันเส้นทางชีวิต (การเล่นเกม) ของเราโดยสิ้นเชิง


รูปจาก Nintendo

Animal Crossing: New Horizons

เกมภาพน่ารักสดใสที่ผู้เล่นจะได้หลีกหนีความวุ่นวายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่บนเกาะร้างที่แสนสงบและสวยงาม โดยมีจุดประสงค์หลักคือการพัฒนาเกาะของตนให้กลายเป็นสวนสวรรค์ส่วนตัว

โดยผู้พัฒนาได้สอดแทรกแนวคิดเกี่ยวกับความยั่งยืนและการรักษาสิ่งแวดล้อมไว้อย่างแยบยล เพราะผู้เล่นจะเริ่มต้นจากเกาะร้างที่เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งต้นไม้ แม่น้ำ และสิ่งมีชีวิตนานาชนิด การตัดสินใจว่าจะจัดการกับทรัพยากรเหล่านี้อย่างไรสะท้อนบทเรียนสำคัญในโลกจริงว่า หากเราตัดไม้ทำลายป่ามากเกินไปเพื่อใช้ในการก่อสร้างหรือเพราะต้องการหาเงินอย่างรวดเร็ว เกาะก็จะดูรกร้างว่างเปล่า ขาดความสมดุล ไม่น่าอยู่ ส่งผลต่าง ๆ ตามมา เช่น ทำให้ผู้เล่นถูกลดแต้ม ตัวละครนักท่องเที่ยวไม่มาเยี่ยมเยือน ความสุขของตัวละครบนเกาะลดลง รวมทั้งทำให้สัตว์และแมลงบางชนิดหายไป

ในทางกลับกัน การใช้ทรัพยากรอย่างรอบคอบ ปลูกต้นไม้ดอกเพิ่มเติมเพื่อรักษาระบบนิเวศ จนเกิดความหลากหลายทางชีวภาพจะทำให้เกาะสวยงามขึ้น ซึ่งเป็นการจำลองแนวคิดการพัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงโดยไม่ทำลายทรัพยากรธรรมชาติที่จำเป็นต่อการดำรงชีพของทั้งตนเองและสิ่งมีชีวิตอื่น เช่น การเลือกปลูกต้นไม้แทนการตัด การรักษาพื้นที่สีเขียว หรือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำรงอยู่ของแมลงและสัตว์ ทั้งหมดล้วนเป็นการกระทำเล็ก ๆ ที่สะท้อนถึงความรับผิดชอบต่อโลก และแม้จะเป็นเพียงโลกจำลองของเกม แต่สิ่งนี้ก็ช่วยให้เรามองเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นว่า ธรรมชาติไม่ใช่เพียงทรัพยากรที่จะใช้อย่างไรก็ได้ แต่คือระบบชีวิตที่เชื่อมโยงกับการดำรงอยู่ของเราโดยตรง ดังนั้น เราจึงต้องดูแลระบบนิเวศให้ยังคงอยู่ต่อไป ทั้งในเกมและในชีวิตจริง


รูปจาก 2k

Civilization VI: Gathering Storm

เกมแนววางแผนที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสร้างอารยธรรมของตน โดยเริ่มต้นตั้งแต่ยุคหินไปจนถึงยุคอนาคต ผ่านการคิดค้นองค์ความรู้ใหม่ ๆ ที่จะช่วยนำพาเผ่าพันธุ์บรรลุเป้าหมายแห่งชัยชนะ

นอกจากสงคราม การกลืนกินทางศาสนา วัฒนธรรม การต่อรองอำนาจทางการเมือง ผู้เล่นยังต้องคอยคำนึงถึงความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมด้วย เนื่องจากเราไม่สามารถพัฒนาแค่อารยธรรม แต่ยังต้องบริหารจัดการทรัพยากรและตัดสินใจเชิงนโยบายที่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง เพราะการสร้างโรงงานที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลจำนวนมากเพื่อช่วยเร่งการเติบโตทางอุตสาหกรรมอาจดูเป็นหนทางสู่ความรุ่งเรืองที่รวดเร็ว แต่เกมจะมีการจำลองผลลัพธ์ตามมา เช่น ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ภัยพิบัติทางธรรมชาติรุนแรงขึ้น และความไม่พอใจของประชาชน

ดังนั้น ตัวเลือกการพัฒนาพลังงานสะอาด เช่น โซลาร์ฟาร์มหรือกังหันลม เพื่อทดแทนการพึ่งพาเชื้อเพลิงที่ก่อมลพิษจึงสำคัญ เช่นเดียวกับการลงทุนสร้างอุทยานแห่งชาติและปลูกป่าเพื่อลดปริมาณคาร์บอนในบรรยากาศ แม้การตัดสินใจเหล่านี้อาจต้องใช้เวลาและทรัพยากรในการลงทุนเริ่มต้น แต่ผลลัพธ์ที่ได้คืออารยธรรมที่มั่นคง เพราะการรักษาธรรมชาติในเกมไม่เพียงแต่ช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ยังสร้างความสมดุลและความสวยงามให้กับแผนที่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าของการอนุรักษ์ที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว นี่คือบทเรียนสำคัญที่ Civilization VI พยายามสอนเราว่า การอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างยั่งยืนคือหนทางสู่ความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมที่แท้จริง และไม่ใช่แค่ในเกม แต่รวมถึงโลกของเราด้วย


รูปจาก EA

The Sims 4: Eco Lifestyle

คือภาคเสริมที่พลิกปรับเกมจำลองชีวิตให้กลายเป็นสนามทดลองสำหรับแนวคิดเรื่องความยั่งยืนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างเต็มรูปแบบ

ผู้เล่นจะได้สัมผัสกับโลกที่มี ค่าระดับมลภาวะ (Eco Footprint) ซึ่งเปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรมของซิมส์ (ตัวละคร) ที่เราเล่น เช่น การใช้พลังงานสะอาดแทนพลังงานฟอสซิล การรีไซเคิล การสร้างอาคารจากวัสดุยั่งยืน หรือแม้แต่การปลูกต้นไม้และทำสวนแนวตั้ง นอกจากนี้ การใช้ชีวิตอย่างไม่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม เช่น การเผาขยะ การใช้เตาเผาถ่าน การตัดต้นไม้โดยไม่ฟื้นฟู ก็จะส่งผลเช่นกัน โดยทำให้เมืองถูกปกคลุมด้วยหมอกควันจนท้องฟ้ามืดหม่น พืชไม่เจริญเติบโต และสุขภาพของซิมส์ก็ย่ำแย่ลง ในทางกลับกัน หากเราปลูกต้นไม้มากขึ้น หลีกเลี่ยงการใช้เชื้อเพลิงที่ก่อก๊าซคาร์บอน และส่งเสริมโครงการสีเขียว เมืองก็จะกลับมาสดใส ปลอดโปร่ง และเต็มไปด้วยชีวิตชีวา เหล่าซิมส์สามารถเดินเล่นในสวน รู้สึกมีความสุขและเชื่อมโยงกับธรรมชาติอีกครั้ง

แม้จะอยู่ในโลกจำลอง แต่ The Sims 4 สะท้อนบทเรียนสำคัญของโลกจริงอย่างชัดเจนว่า พฤติกรรมของมนุษย์มีผลต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้เพื่อดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ การลดการพึ่งพาพลังงานฟอสซิล หรือการสร้างพื้นที่สีเขียวในเมือง ทั้งหมดล้วนมีความหมายต่อคุณภาพชีวิตของชุมชนในระยะยาว

เกมไม่ได้บอกให้เราเปลี่ยนโลกในพริบตา แต่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นได้ทดลองและเห็นผลลัพธ์ของการเลือกอย่างเป็นรูปธรรมผ่านสายตาของซิมส์ที่เราใส่ใจ ยิ่งกว่านั้น การตัดสินใจเล็ก ๆ อย่างการปลูกต้นไม้หนึ่งต้น หรือติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ในเกม ยังสื่อสารอย่างแนบเนียนว่าการใช้ชีวิตอย่างมีจิตสำนึกต่อสิ่งแวดล้อมไม่ใช่เรื่องไกลตัว และไม่ว่าเราจะอยู่ในโลกจริงหรือโลกเสมือน รากฐานของความสมดุลที่เราทุกคนต้องร่วมกันรักษาไว้เสมอก็คือระบบนิเวศ


รูปจาก Harm van de Ven

อีกรูปแบบของการรณรงค์

สิ่งที่น่าสนใจคือ เกมเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นป้ายเตือนว่า “ห้ามตัดต้นไม้ทำลายป่า!”

แต่ใช้การออกแบบระบบภายในให้ผู้เล่นรู้สึกถึงผลกระทบจากความยากลำบากในการเล่น ผ่านความไม่สมดุลของเกม การถูกหักคะแนน พลาดของรางวัล ซึ่งเป็นความไม่สบายใจในเชิงจิตวิทยา

นี่คือหนึ่งในความสามารถพิเศษของ “เกม” ในฐานะเครื่องมือการเรียนรู้ทางอ้อม

ผู้เล่นอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังเรียนรู้เรื่อง “ความยั่งยืน” ผ่านปัญหาต่าง ๆ ในเกมที่เกิดจากการละเลยสิ่งแวดล้อม


รูปจาก Nintendo


Respawn ในโลกจริงไม่รวดเร็วเหมือนในเกม

แม้ในเกมทั้งหลายจะมี “ระบบเกิดใหม่” (respawn) ของต้นไม้หรือทรัพยากร แต่ในโลกจริง ต้นไม้หนึ่งต้นใช้เวลาเป็นสิบปีในการเติบโต และระบบนิเวศใช้เวลา “หลายศตวรรษ” กว่าจะฟื้นตัวจากการถูกทำลายอย่างรุนแรง

มีรายงานว่า

“ต้นไม้กว่าหนึ่งหมื่นห้าพันล้านต้นถูกโค่นในแต่ละปี โดยมีเพียงห้าพันล้านต้น เท่านั้นที่ได้รับการปลูกกลับ”

ซึ่งนี่หมายความว่า โลกกำลังขาดทุนทางธรรมชาติอย่างต่อเนื่อง


บทสรุป

เกมไม่ใช่เพียงโลกของความสนุก แต่คือแบบจำลองของโลกที่เราดำรงอยู่

หากตระหนักได้ว่าต้นไม้ที่ถูกตัดโค่นในเกมสามารถทำให้โลกในนั้นเปลี่ยนไป เราอาจต้องลองย้อนกลับมามองต้นไม้ในโลกแห่งความจริงใหม่

เพราะต่างจากเกม

โลกจริงไม่มีตัวเลือก "RESTART"

และหากธรรมชาติถูกทำลาย

พวกเราก็จะตายกันหมด


อ้างอิง

  1. Animal Crossing Wiki
  2. Island Rating Guide
  3. Civilization VI: Gathering Storm
  4. The Sims 4: Eco Lifestyle
  5. Three trillion trees on Earth with 15bn cut down per year







Comments
To join the comment, please sign in.
Sign in
Don’t have an account? Register
Loading comments...