อ่านหนังสืออย่างไรให้มีสมาธิ: เทคนิคง่าย ๆ เพื่อการโฟกัสที่ดีขึ้น
“Reading is to the mind what exercise is to the body”
“การอ่านคือการออกกำลังกายให้กับสมอง เหมือนที่การออกกำลังกายช่วยให้ร่างกายแข็งแรง”
Joseph Addison
ในยุคที่สมาร์ทโฟน การแจ้งเตือน และสิ่งเร้ารอบตัวมีมากกว่าที่เคย การอ่านหนังสือให้มีสมาธิ กลายเป็นทักษะที่สำคัญไม่แพ้การอ่านออกเขียนได้ หลายคนอยากอ่านหนังสือมากขึ้น รู้ว่าการอ่านนั้นช่วยพัฒนาสมอง เพิ่มคลังความรู้ และทำให้มีมุมมองที่กว้างขึ้น แต่พอเข้าจริง เมื่อได้มาเริ่มอ่านก็กลับเจอปัญหาว่า อ่านได้ไม่กี่บรรทัดก็เริ่มเหม่อ หัวลอยไปไหนก็ไม่รู้ อ่านหนึ่งคำหยิบโทรศัพท์มาเขี่ยอีกสองนาที หรือจำสิ่งที่อ่านไม่ได้เลย หากคุณเจอเหตุการณ์แบบนี้ ไม่ได้แปลว่าคุณไร้ซึ่งสมาธิ หากแต่ว่าคุณยังไม่มีระบบการอ่านที่เหมาะสมกับตัวเอง
บทความชิ้นนี้จะพาท่านผู้อ่านมาดูวิธีที่ไม่ยาก ที่จะช่วยให้แต่ละคนสามารถอ่านหนังสือได้อย่างมีสมาธิ ใส่ใจ และได้ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เริ่มจากสภาพแวดล้อม สร้างพื้นที่ช่วยโฟกัส
สมาธิไม่ได้เริ่มที่หนังสือ แต่เร่มต้นที่ สภาพแวดล้อม หากรอบตัวเราเต็มไปด้วยสิ่งดึงดูด สมองจะใช้พลังงานอย่างหนักเพื่อสลับความสนใจ เช่น เสียงคุย เสียงแจ้งเตือน หรือแม้แต่ความรกระเกะระกะบนโต๊ะ
อาจลองหามุมที่เงียบ มีเสียงรบกวนต่ำ จากนั้นเก็บโต๊ะให้สบายตาสำหรับตนเอง ปิดการแจ้งเตือนมือถือ ซึ่งจะยิ่งกว่าหากวางไว้ไกลจากตัว เมื่อพื้นที่มีความเอื้อต่อการอ่านแล้ว จะทำให้สมองรู้สึกปลอดภัยและพร้อมจดจ่อมากขึ้นโดยอัตโนมัติ
ตั้งเป้าหมายก่อนเริ่มอ่าน
การอ่านแบบไม่มีเป้าหมายทำให้สมองไม่รู้ว่าจะต้องโฟกัสตรงไหน ส่งผลให้หลุดสมาธิได้ง่าย แต่หากตั้งเป้าว่าจะอ่านเพื่ออะไร สมองจะสร้างโครงสร้างความสนใจในทันที อาจลองตั้งเป้ามหายว่า ฉันจะอ่านเพื่อเข้าใจเนื้อหาบทนี้ใน 20 นาที, ฉันอ่านเพื่อประเด็นสำคัญสัก 3 อย่าง หรือ ฉันจะอ่าน 10 หน้าโดยไม่หยิบมือถือ
กล่าวคือ เป้าหมายเล็ก ๆ แบบนี้ช่วยให้สมาธิไม่กระจัดกระจาย และยังช่วยให้คุณประเมินตัวเองว่าอ่านสำเร็จหรือไม่
ใช้เทคนิค Promodoro เพื่อจัดเวลาการอ่าน
การบังคับตัวเองให้อ่านนาน ๆ มักทำให้เหนื่อย สมองล้า และอาจทำให้คุณเบื่อหนังสือโดยไม่รู้ตัว วิธีสร้างสมาธิโดยไม่ฝืน คือการอ่านแบบเป็นช่วงสั้น ๆ ซึ่ง Promodoro Reading คือ อ่าน 25 นาที แล้วพัก 5 นาที
25 นาทีดังกล่าวเป็นเวลาที่สมองสามารถโฟกัสได้ดีโดยไม่รู้สึกกดดัน พอผ่านไปหลายรอบ สมาธิจะค่อย ๆ ยาวขึ้นเองอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งหากเป็นมือใหม่เข้าวงการหนอนหนังสือ อาจเริ่มต้นที่ อ่าน 15 นาที แล้วพักสัก 5 นาที ทำอย่างนี้วนไปจนเริ่มชินแล้วเพิ่มเวลาดูครับ
อ่านอย่างมีปฏิสัมพันธ์ (Active Reading)
สมาธิจะลดลงหากคุณอ่านแบบไหลผ่าน โดยไม่คิดหรือไม่เชื่อมโยงกับสิ่งที่รู้มาก่อน วิธีแก้คือการอ่านแบบมีปฏิสัมพันธ์กับเนื้อหา อาจลองขีดเส้นใต้หรือไฮไลท์เฉพาะประเด็นสำคัญ หรือลองโน้ตสั้น ๆ หลังอ่านจนจบบท บางทีอาจตั้งคำถามกับสิ่งที่อ่านว่าผู้อ่านกำลังจะบอกอะไร? และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลองเล่าให้คนอื่นฟังราวกับว่าคุณเป็นผู้สอน การอ่านแบบนี้ช่วยให้สมองทำงานเชื่อมโยงข้อมูล ทำให้จำได้แม่นและโฟกัสได้นาน
ลดพฤติกรรมทำลายสมาธิ (Focus Killer)
บางทีเรื่องนี้อาจดูเล็กน้อย แต่มันทำให้สมาธิหายไปอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ควรเลี่ยง คือ การเช็กมือถือบ่อย ๆ แม้จะย้ำกับตัวเองว่า ฉันไถแค่แปปเดียว!! ก็ตาม หรือ การอ่านในท่านอนที่สบายเกินไปจนไม่ได้อ่านมันแล้ว นอนดีกว่า รวมถึงการเปิดอะไรหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน เช่น เพลง + แชท + ไถโซเชี่ยล และการอ่านเมื่อร่างกายเหนื่อยล้าหรือนอนไม่พอ
อย่าลืมว่า สมาธิ ไม่ใช่พลังวิเศษ แต่เป็นผลลัพธ์จากพฤติกรรมเล็ก ๆ ที่สะสมกัน
อันที่จริงแล้ว ยังมีอีกหลายมากครับที่ช่วยเพิ่มสมาธิในการอ่านได้ ซึ่งการอ่านให้มีสมาธิไม่ใช่เรื่องของคนเก่ง หรือคนไม่เก่ง แต่เป็นเรื่องของ ระบบและนิสัย ซึ่งเมื่อปรับสภาพแวดล้อม ตั้งเป้าหมาย หรือดูแลร่างกายตนเองจนมีระบบชีวิตที่ดี สมาธิในการจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เราไม่จำเป็นต้องเริ่มจากการอ่านอะไรนาน ๆ แค่เริ่มจาก 10-15 นาที แบบมีคุณภาพ แล้วค่อย ๆ ขยายเวลาไป คุณจะพบว่าการอ่านไม่ใช่เรื่องยาก และสมองของคุณจะสามารถจดจ่อได้ดีกว่าที่คิดไว้มาก
Reference
1 : Goodreads. (n.d.). Joseph Addison. Quote by Joseph Addison: “Reading is to the mind, what exercise is to the...” | Goodreads
2 : National Geographic ฉบับภาษาไทย. (11 ธันวาคม 2019). 7 เทคนิคช่วยสร้างสมาธิในการอ่านหนังสือ. เทคนิคการสร้างบรรยากาศการอ่านหนังสือให้เรามีสมาธิกับการอ่านมากขึ้น
3 : Anita Stone. (16 มีนาคม 2025). พลังแห่งการอ่าน: กุญแจสู่สมาธิและความสงบในยุคที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ. The Golden Age. พลังแห่งการอ่าน: กุญแจสู่สมาธิและความสงบในยุคที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ - The Golden Age
Categories
Hashtags