Mentoring/Coaching – การให้คำปรึกษาและพัฒนาผู้อื่น
“A mentor is someone who allows you to see the hope inside yourself.”
“เมนทอร์ คือ คนที่ทำให้คุณเห็นความหวังที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณเอง”
— Oprah Winfrey
ประโยคดังกล่าวด้านบน แม้จะสั้น แต่ถือว่าทรงพลัง
โอปราห์ วินฟรีย์ ไม่ได้บอกว่าเมนเทอร์ คือคนที่ “ให้” ความหวัง หรือ “เติม” ความมั่นใจให้คุณ แต่เธอบอกว่า เมอนเทอร์คือคนที่ช่วยให้คุณ “มองเห็น” ความหวังที่มีอยู่แล้วในตัวเอง ซึ่งหมายความว่า เมนเทอร์ อาจไม่ใช่คนที่จะมาเปลี่ยนใครได้โดยตรง หากแต่เป็นผู้จุดไฟ หรือ เปิดกระจกให้ใครได้เห็นตัวเองในมุมที่เข้มแข็ง มุ่งมั่น และมีศักยภาพ
บางทีคนเราอาจลืมสิ่งดีๆ ที่มีอยู่ในตัวเอง เมนเทอร์จึงมีบทบาทในการสะท้อนและกระตุ้นให้แต่ละคนสามารถดึงศักยภาพนั้นออกมาใช้ได้อย่างเต็มที่
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในยุคสมัยนี้ที่การเปลี่ยนแปลงมีอยู่ให้เห็นทุกเมื่อเชื่อวัน การเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้เรียน/พนักงาน ในการรับมือกับทุกเหตุทุกการณ์เป็นสิ่งที่สถานศึกษา หรือสถานประกอบการหลีกเลี่ยงกันไม่ได้อีกต่อไป เพราะบางทีการจัดการเรียนการสอน หรือการอบรม จะอบรมกลุ่มหรืออบรมเดี่ยว แต่ถ้าการเรียนรู้นั้นไม่ได้เป็นการเรียนรู้ที่จะนำเอาความรู้ไปใช้ประโยชนได้ แม้พนักงานอาจมีทักษะความสามารถเพิ่มขึ้น แต่ก็อาจเป็นสิ่งที่ไม่ตอบโจทย์กับการทำงาน จึงทำให้สถานที่จัดอบรมให้นักศึกษาหรือบุคลากรอาจต้องเสียทั้งทรัพยากรเงินและเวลาไปอย่างน่าเสียดาย
ด้วยเหตุนี้ในโลกแห่งการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเก่งของคนๆ เดียวอีกต่อไป แต่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการดึงศักยภาพของผู้อื่นออกมา และนี่คือจุดที่ “Mentoring” หรือ “Coaching” จะเข้ามามีบทสำคัญอย่างยิ่ง
การให้คำปรึกษาและการโค้ช ไม่ได้เป็นแค่กระบวนการสอนงานเท่านั้น แต่คือการร้างความไว้วางใจ พัฒนาทักษะ และช่วยให้ผู้อื่นเติบโตทั้งในระดับส่วนตัวและระดับอาชีพ
ว่าด้วย Mentoring และ Coaching
การจะอธิบายความหมายของทั้งสองคำนี้ให้สอดคล้องกันนั้น ทำได้ไม่อยาก หากจะยากก็แลเห็นจะเป็นที่การนำมาปรับใช้ว่าแต่ละบุคคลจะหยิบมาผนวกกันได้มาก-น้อยแค่ไหน แต่หากว่ากันที่ความหมาย สามารถกล่าวได้ว่า
Mentoring : คือ กระบวนการที่ผู้มีประสบการณ์ (Mentor) ถ่ายทอดความรู้ มุมมอง และแนวคิดให้กับผู้มีประสบการณ์น้อยกว่า (Mentee) โดยเน้นความสัมพันธ์ระยะยาว เป้าหมายหลักคือการสนับสนุนการเติบโตทั้งในด้านอาชีพและการพัฒนาตัวตน
Coaching : คือ กระบวนการที่โค้ช (Coach) ช่วยให้ผู้รับคำปรึกษา (Coachee) ค้นพบคำตอบของตนเอง ผ่านคำถามที่กระตุ้นความคิด การสะท้อนตนเอง และการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน โค้ชไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ตรงในสายงานของผู้รับคำปรึกษา แต่จำเป็นต้องมีทักษะในการฟังระดับที่สูงกว่าคนทั่วๆไป รวมถึงการจับประเด็นสำคัญด้วย และยังต้องมีทักษะการตั้งคำถาม ขณะเดียวกันทุกอย่างก็ต้องทำไปในพื้นฐานของการสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ผู้ถูกโค้ชได้กล้าคิด กล้าตัดสินและแสดงออกมาโดยไม่ต้องกลัวการถูกวิจารณ์อย่างถึงพริกถึงขิง
เหตุผลใดบ้างที่ควรส่งเสริมการโค้ชและการให้คำปรึกษา
แง่ของเหตุผลที่สมควรส่งเสริมนั้นอันที่จริงมีอยู่มากมาย แต่ในบทความนี้อาจนำบางส่วนมากล่าวถึงให้พอเข้าใจในภาพรวม ซึ่งเหตุผลที่ควรส่งเสริม สามารถกล่าวได้ดังนี้
1. เป็นการพัฒนาผู้นำและคนรุ่นใหม่ให้เติบโตอย่างมั่นคง : การมีที่ปรึกษาที่ดี ที่มีประสบการณ์ จะสามารถช่วยให้พนักงานรุ่นใหม่เข้าใจบริบทขององค์กร ฝึกคิดเชิงกลยุทธ์และเรียนรู้จากประสบการณ์จริง โดยไม่ต้องไปล้มลุกคลุกคลานเองเสียทุกครั้ง รวมถึงการโค้ช ก็ช่วยให้ได้ฝึกคิด ฝึกตั้งเป้าหมาย และพัฒนาทักษะสำคัญต่อการเป็นผู้นำ เช่น การตัดสินใจ การฟัง และการสื่อสาร
2. สร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้และการช่วยเหลือกัน : การส่งเสริมให้หัวหน้างานทำหน้าที่เป็นโค้ช หรือให้นักศึกษาฝึกงานได้มาแนะนำรุ่นน้อง จะทำให้เกิดบรรยากาศของการเรียนรู้ร่วมกัน ไม่ใช่การสั่งการจากบนลงล่างอย่างเดียว เมื่อทุกคนเรียนรู้จากกัน องค์กรจะมีความยืดหยุ่นและพัฒนาได้ตลอดเวลา
3. ลดการลาออกของพนักงานและเพิ่มความผูกพัน : เมื่อพนักงานทราบว่าเขามีคนคอยสนับสนุน ทั้งในเรื่องงานและการเติบโตส่วนตัว พวกเขามักจะรู้สึกว่าองค์กร “เห็นคุณค่าในตัวเขา” ซึ่งนำไปสู่ความพึงพอใจในการทำงาน ความภักดี และลดอัตราการลาออก
4. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและการแก้ปัญหา : การโค้ชชิ่งที่ดี ไม่ได้เป็นการแก้ไขปัญหาแทนพนักงาน แต่ช่วยให้พวกเขาคิดเป็นและเติบโตได้ด้วยตนเอง การโค้ชชิ่ง จึงเน้นไปที่การถามมากกว่าการสอน จึงทำให้พนักงานได้ฝึกทักษะการคิด วิเคราะห์ และหาทางออกที่เหมาะกับบริบทของตนเอง สิ่งนี้ช่วยลดการรอคำสั่ง และเพิ่มความคล่องตัวขององค์กร
5. สร้างผู้นำที่มีความเข้าใจคนและสร้างทีมที่แข็งแรง : การฝึกให้ผู้นำมีทักษะในการฟัง สังเกต ตั้งคำถาม และสะท้อนกลับอย่างสร้างสรรค์ จะช่วยให้พวกเขาสื่อสารได้ดีขึ้น รู้วิธีดึงศักยภาพของลูกทีม และสร้าง “พื้นที่ปลอดภัย” ที่ทำให้ทีมกล้าคิด กล้าพูด กล้าที่จะลองผิดลองถูก
หากผู้อ่านสนใจอยากค้นคว้าเรื่องนี้ต่อ เราขอแนะนำหนังสือ The coaching habit : say less, ask more & change the way you lead forever ของ Michael Bungay Stanier ซึ่งสามารถเข้ามาอ่านได้ที่ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี [สืบค้นได้ที่ลิงกนี้]
จากที่กล่าวมา การเป็น Mentor หรือ Coach ที่ดี ไม่ได้หมายถึงการเก่งกว่า หรือรู้มากกว่าเพียงอย่างเดียว แต่หมายถึงการรู้จักสนับสนุนให้คนอื่นได้เติบโตอย่างมีคุณค่า การให้คำปรึกษาและการโค้ช คือเครื่องมืออันทรงพลังที่ช่วยเปิดประตูสู่ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในแต่ละคน และเมื่อคนในองค์กรเติบโต องค์กรก็ย่อมเติบโตตามไปด้วย
Reference
1 : Goodreads. (n.d.). Oprah Winfrey > Quotes > Quotable Quote. Quote by Oprah Winfrey: “A mentor is someone who allows you to see the h...” | Goodreads
2 : HREX.asia. (17 April 2023). Coaching vs Mentoring สอนอย่างไรให้พนักงานอยากเรียน. Coaching vs Mentoring สอนอย่างไรให้พนักงานอยากเรียน | HREX.asia
3 : Hattie Pursell. (4 April 2024). Coaching vs Mentoring: What’s the Difference?. Guider. Coaching vs Mentoring - The Complete Guide | Guider AI
Categories
Hashtags