Financial Literacy: พื้นฐานความรู้ทางการเงินที่ทุกคนควรมี
“It’s not how much money you make, but how much money you keep, how hard it works for you, and how many generations you keep it for.”
“ไม่ใช่ว่าคุณหาเงินได้มากแค่ไหน แต่คือคุณเก็บมันได้มากแค่ไหน ให้เงินทำงานหนักแทนคุณอย่างไร และรักษามันไว้ได้กี่ชั่วอายุคน”
— Robert Kiyosaki
โรเบิร์ต คิโยซากิ ผู้เขียนหนังสือชื่อดังกระฉ่อนในวงแวดวงการเงินอย่าง พ่อรวยสอนลูก [1] เป็นอันชี้ให้เห็นว่าการสร้างความมั่งคั่งไม่ใช่เพียงเฉพาะการทำมาหาอาหารกินเท่านั้น แต่คือการบริหารเงินและลงทุนให้เกิดผลระยะยาวจนสามารถส่งต่อไปยังคนรุ่นหลังๆ ได้
เมื่อก้าวเข้ามาสู่ในโลกยุคใหม่ที่เศรษฐกิจผันผวน เทคโนโลยีการเงินก้าวกระโดด และรูปแบบการทำงานมีความยืดหยุ่นยั้วเยี้ยมากขึ้น “ความรู้ทางการเงิน” หรือเรียกกันในภาษาฝะหรั่งว่า Finantial Litracy กลายเป็นหนึ่งในทักษะสำคัญที่เยาวรุ่นไทยควรมีติดตัวและเห็นควรด้วยในการหันมาสนใจใครรู้ อาจเป็นนักเรียน นักศึกษา มนุษย์เงินเดือน ฟรีแลนซ์ หรือผู้ประกอบการ เพราะการเข้าใจเรื่องการเงินไม่ได้เป็นแค่การ “เก็บเงิน” แต่เป็นการสร้างความมั่นคงและโอกาสในชีวิต
ว่ากันด้วย Financial Literacy คืออะไร?
Financial Literacy ให้ความหมายกันได้ว่า ความสามารถในการเข้าใจและจัดการเรื่องการเงินส่วนบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมตั้งแต่การวางแผนรายรับ-จ่าย การออม การลงทุน การใช้หนี้ ไปจนถึงการรู้จักเครื่องมือและบริการทางการเงินต่างๆ อาทิ บัญชีธนาคาร บัตรเครดิต กองทุน หุ้น ภาษี หรือประกัน การที่ใครคนหนึ่งมีทักษะด้านนี้ ช่วยให้สามารถตัดสินใจทางการเงินได้อย่างมีเหตุมีผล ลดความเสี่ยง และใช้เงินเป็นเครื่องมือสร้างโอกาส
รวมถึงเป็นการวางแผนเรื่องการเงินในชีวิตให้ราบรื่น ลดโอกาสในการมีปัญหาเรื่องเงินๆ ทองๆ ในอนาคต การมีความรู้เรื่องการเงินจึงถือเป็นสิ่งจำเป็นในยุคปัจจุบัน เพราะชีวิตกับเงินนั้นต้องอยู่เคียงคู่กันตลอด หรือเข้าใจง่ายๆ ว่า เงินเป็นสิ่งที่เป็นปัจจัยหลักที่ช่วยให้การดำเนินชีวิตเป็นไปได้ราบรื่นอย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะในชีวิตประจำวัน เป้าหมายการเงินในอนาคตทั้งระยะสั้น ระยะกลางและระยะยาว ซึ่งเรื่องนี้ในต่างประเทศ ความรู้การเงินมักถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Hard Skill เพราะเป็นความรู้เชิงเทคนิคที่ต้องอาศัยการศึกษาและการฝึกฝนต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่สัญชาตญาณหรือประสบการณ์ส่วนตัว
จะต่อยอดทักษะการเงินได้อย่างไร?
อ่านมาถึงจุดนี้ น่าจะพอทราบตามสังเขป ว่าการรู้เท่าทันการเงิน ย่อมเป็นเบาะรองรับความผันผวนประคับประคองให้สถานการณ์ไม่เลวร้ายจนถึงที่สุด จึงอาจกล่าวถึงแนวปฏิบัติได้ ดังนี้
1. เป้าหมายชีวิต เป้าหมายการเงิน : การกำหนดเป้าหมายในชีวิต จะทำให้เรารู้ว่า เราต้องการใช้ชีวิตแบบไหน เพื่อนำไปสู่การวางแผนที่ครอบคลุม ตรวจเช็คตนเองว่า อะไรที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน และอะไรที่เป็นความต้องการ ให้สมดุล โดยกำหนดเป้าหมายควรทำทั้งระยะสั้น กลาง และยาว เช่น ระยะยาว-การกำหนดระยะเวลาการเกษียณอายุ เป็นจุดตั้งต้นและหาคำตอบว่าเราควรมีเงินใช้จ่ายหลังเกษียณเท่าใด? เป็นต้น
2. ออมเงิน : ทำให้ได้ เริ่มให้ไว จุดมุ่งหมายของการวางแผนทางการเงิน มักมาจากการออม ซึ่งการเริ่มทำนั้นไม่ยาก แต่การคงไว้ซึ่งความสม่ำเสมอ นั่นถือเป็นสิ่งท้าทาย การออมเงินจึงควรทำตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะภาระค่าใช้จ่ายยังไม่มาก อาจหักจากรายได้สัก 10-15 เปอร์เซ็นต์มาเก็บออมและแบ่งประเภทการออมให้ชัดเจน เช่น เพื่อการศึกษา ทั้งนี้ อาจลองออมเงินขั้นต่ำเท่ากับค่าใช้จ่ายที่เราต้องใช้ 6 เดือนเป็นลำดับแรก โดยถือว่าเป็นเงินก้อนฉุกเฉิน กรณีเผื่อว่าขาดแหล่งที่มาของรายได้ ซึ่งจะช่วยผ่อนภาวะความเครียดทางการเงิน และระยะ 6 เดือนน่าจะพอช่วยให้ฟื้นฟูตนเองกลับมาได้
3. เปลี่ยนการออม เป็นลงทุน : สิ่งนี้คือการประกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นทุกปี ขณะที่มูลค่าของเงินในอนาคตค่อยๆ ลดลง แต่สิ่งนี้ ต้องใช้ความรู้มาหาศาลแต่เราจะไม่นำมากล่าวเนื่องจากจะทำให้บทความยืดยาวจนเกินไป
4. เป็นหนี้ได้ แต่ต้องไม่เป็นหนี้เสีย : การเป้น ความท้าทายอยู่ที่ว่า เราจะบริหารให้เกิดสภาพคล่องอย่างไร เริ่มแรก อาจลองสร้างงบประมาณและทำความเข้าใจเกี่ยวกับหนี้ เพื่อให้สามารถวางแผนค่าใช้จ่ายจนรู้ว่าจะสามารถชำระหนี้ได้อย่างไร สิ่งนี้ทำให้รู้ว่าเรา “รับไหว” หรือไม่ นอกจากนี้ต้องมีแผนสำหรับการจัดการหนี้ควบคู่กันไป
5. ภาษีจัดการให้ดี เงินออมเพิ่ม : การยื่น และเสียภาษีให้ถูกต้อง เป็นหน้าที่ของพลเมืองไทย อย่างไรก็ตามสิทธิประโยชน์ทางภาษียังคงเป็นคุณประโยชน์ที่สามารถทำให้เราลดหย่อยได้ การจัดการภาษีที่ดี ทำให้ผ่อนคลายภาระทางภาษีได้ ซึ่งเป็นลให้เราสามารถแปรผันค่าใช้จ่ายดังกล่าว เป็นเงินออม หรือ เงินลงทุนได้มากขึ้น ซึ่งควรเริ่มต้นจากการางแผนภาษี กล่าวคือ เราต้องสามารถจำแนกประเภทของรายได้ และค่าใช้จ่ายที่นำไปลดหย่อน โดยเฉพาะสิทธิตามกฎหมายของการลดหย่อนภาษีและศึกษาทางเลือกการลดหย่อยภาษีผ่านการลงทุน
แม้หลายคนมองว่าการจัดการเงินเป็นแค่ความรู้ติดตัว แต่ในความจริงแล้ว ความเข้าใจเชิงลึกด้านการเงินสามารถพัฒนาเป็น Hard Skill ที่ต่อยอดได้
ทั้งนี้ทั้งนั้น Financial Literacy ไม่ใช่เรื่องของคนที่เรียนการเงินหรือทำงานด้านบัญชีเท่านั้น แต่เป็นทักษะชีวิตที่ทุกคนควรมี การเรียนรู้เรื่องการเงินช่วยให้เราใช้ชีวิตอย่างมั่นคง มองเห็นโอกาสสร้างความมั่งคั่ง และป้องกันปัญหาการเงินในอนาคต เริ่มได้ตั้งแต่วันนี้ด้วยการวางแผนเล็กๆ อย่างการทำบัญชีรายรับรายจ่ายและค่อยๆ สะสมความรู้เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงทางการเงิน
[1] : สามารถหายืมหนังสือได้ที่ สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี สามารถสืบค้นได้ที่ลิงก์นี้
Reference
1 : Daniel Lawton. (12 March 2023). Robert Kiyosaki's Financial Wisdom: "It's Not How Much Money You Make". Linkedin. Robert Kiyosaki's Financial Wisdom: "It's Not How Much Money You Make"
2 : SCB ธนาคารไทยพาณิชย์. (ม.ป.ป.). Financial Literacy สำคัญอย่างไร ทำไมต้องรู้?. Financial Literacy สำคัญอย่างไร ทำไมต้องรู้?
3 : MAKE by KBank. (17 กุมภาพันธ์ 2568). รวมความรู้ทางการเงินที่รู้แล้วชีวิตดี!. รวมความรู้ทางการเงินที่รู้แล้วชีวิตดี! - MAKE by KBank
4 : ธีระพล ถนอมศักดิ์ยุทธ. (1 พฤศจิกายน 2567). Financial Literacy 101: เข้าใจ-ใช้เป็น ทักษะการเงิน ทางรอดในยุคผันผวน สู่ความยั่งยืน. ThaiPublica. Financial Literacy 101: เข้าใจ-ใช้เป็น ทักษะการเงิน ทางรอดในยุคผันผวน สู่ความยั่งยืน - ThaiPublica
Categories
Hashtags