Digital Rest Literacy – การพักผ่อนจากดิจิทัลอย่างมีเทคนิค
Published: 30 September 2025
2 views

Digital Rest Literacy – การพักผ่อนจากดิจิทัลอย่างมีเทคนิค


“In an age of speed, I began to think, nothing could be more invigorating than going slow. In an age of distraction, nothing can feel more luxurious than paying attention. And in an age of constant movement, nothing is more urgent than sitting still.”

“ในยุคแห่งความรวดเร็ว ฉันเริ่มคิดว่า ไม่มีสิ่งใดจะทำให้เราสดชื่นได้มากไปกว่าการเดินช้า ๆ ในยุคแห่งความวุ่นวายรบกวน ไม่มีอะไรหรูหรามากไปกว่าการได้จดจ่อใส่ใจ และในยุคที่ทุกสิ่งเคลื่อนไหวไม่หยุดหย่อน ไม่มีสิ่งใดเร่งด่วนไปกว่าการได้นั่งนิ่งๆ”

- Pico Iyer

           

ทุกสิ่งอย่างในชั่วยามนี้ ล้วนเชื่อมต่อกับโลกออนไลน์แทบจะทั้งหมดแล้ว ที่ยังออฟไลน์อยู่คงแทบจะนับนิ้วได้ (หรืออาจนับไม่ได้แล้วเพราะไม่มี) ไม่ว่าจากการเรียน การทำงาน หรือแม้แต่การพักผ่อน หลายๆ คนอาจไม่ทันได้สังเกตว่า “ชีวิตเราผูกพันกับหน้าจอกันมากขนาดไหน” มือถือ ไอแพด โน๊ตบุ๊ก แทบไม่ได้ห่างหายจากตัวเท่าใดเลย การแจ้งเตือนวิบวับทำให้สมองต้องตอบสนองอยู่เสมอ จนลางทีเราอาจพาลืมกันไปว่า ร่างกายและจิตใจต้องการการพักผ่อนที่แท้จริง ไม่ใช่แค่การนอนหรือดูซีรีส์ยาวๆ (เพราะสิ่งนี้ก็ยังติดกับหน้าจอ)

           แนวคิดปัจจุบันเรามักให้ความสำคัญกับ Digital Literacy ซึ่งก็คือการรู้เท่าทันระบบกลไกต่างของการทำงานแบบดิจิทัล แต่ปฏิเสธไม่ได้คือ จำนวนไม่น้อยก็ควรจะต้องรู้จักกับอีกแบบหนึ่ง ก็คือ Digital Rest Literacy - หรือก็คือ การรู้เท่าทันการพักผ่อนจากดิจิทัล ด้วยเช่นกัน บางทีอาจคุ้นหูกันมากกว่าหากเรีย Social Detox หรือ Digital Detox

 

จะพักจาก Digital กันทำไม?

           เห็นสมควรอย่างยิ่ง ที่เราควรเข้าใจกันก่อนว่า การใช้เวลาอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานานเกินไป ส่งผลกระทบอย่างไรต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิต โดยการใช้เวลากับจอเป็นเวลานานนั้น ส่งผลต่อสุขภาพในหลายด้านมาก ทั้งการปวดตา นอนไม่หลับ และยังส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตด้วย มีงานค้นคว้าจำนวนมากชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างการใช้หน้าจอนานๆ กับสภาวะทางจิตใจ เช่น เกิดภาวะวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และปัญหาการนอนหลับ

           การรับข้อมูลข่าวสาร การแจ้งเตือน และสิ่งเร้าต่างๆ บนโลกดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับความเครียดของผู้คนทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น และอาจรู้สึกโดดเดี่ยวมากขึ้นอีกด้วย การตระหนักรู้ถึงปัญหาเหล่านี้ จึงนับเป็นก้าวแรกที่ดีในการสร้างการเปลี่ยนแปลง

           ทั้งนี้ทั้งนั้น จึงอยากชักอยากชวนผู้อ่านลองตรวจเช็คดูว่าตอนเล่นโทรศัพท์ ไถฟีด นั้นมีอาการอย่าง การเลือนโทรศัพท์โดยไม่รู้ตัว แม้ว่าจะไม่มีอะไรใหม่ อาการปวดตา หนักหัว หลังใช้หน้าจอนานๆ มีอาการสมาธิสั้น ทำงานหรืออ่านหนังสือได้ไม่นาน รวมถึงรู้สึกเหนื่อย แม้แม่ได้ออกแรง (แต่ออนไลน์ทั้งวี่วัน)

           ดังที่กล่าวมาข้างต้น เรียกว่า Digital Fatigue หรือความเหนื่อยล้าจากการใช้เทคโนลีเกิดความจำเป็น ซึ่งอาจทำให้รู้สึก “ไม่ได้พัก” แม้จะมีเวลาว่าง ดังนั้น การมีความรู้และเทคนิคในการ Detox จึงสำคัญเหมือนการออกกำลังหรือการกินอาหารที่ดี

 

จะพักอย่างไรดี แบบไม่มี “ดิจิทัล”

           การพักทุกวันนี้ คนจำนวนไม่น้อยก็ยังต้องมีเรื่องดิจิทัลเข้ามาเคียงคู่ ตั้งแต่การออกกำลังกาย หรือการรับประทานอาหารแสนอร่อย ก็ต้องหาอะไรเปิดดูไปด้วย แล้วจะพักจากมันกันอย่างไรดี ลองดูตัวอย่างเทคนิคบางอย่างที่นำมาฝากผู้อ่านด้านล่างดูกัน

           1. Micro-Break : พักสั้นๆ แต่พักบ่อย ระหว่างทำงานออนไลน์ ลองใช้สูตร 20-20-20 คือทุกๆ 20 นาที มองออกไปไกล 20 ฟุต (ราว 6 เมตร) สัก 20 วินาที วิธีนี้ช่วยถนอมสายตาย และรีเฟรชสมองกลับมาได้พอควร

           2. Screen-Free Zone : พื้นที่ปลอดหน้าจอ กำหนดพื้นที่ในบ้าน เช่น ห้องนอน หรือโต๊ะอาหาร ให้เป็น“เขตปลอดมือถือ” เพื่อสร้างช่วงเวลาที่มีคุณภาพให้กับตัวเอง

           3. Digital Curfew : เคอร์ฟิว ก่อนจะนอน ลองตั้งกฎง่ายๆ ว่า ก่อนนอน 1 ชั่วโมงจะไม่จับมือถือ ให้สมองมีเวลาปรับตัวเข้าสู่โหมดพักผ่อน จะทำให้หลับง่ายและตื่นมาสดชื่น

           4. Analog Activities : กลับสู่สิ่งที่ไม่ใช่ดิจิทัล ลองหยิบหนังสือจริงๆ มาอ่าน วาดรูป เขียนบันทึก หรือเดินเล่นในสวน กิจกรรมแบบอะนาล็อกช่วยให้สมองได้พักจากสิ่งเร้าและฟื้นฟูความคิดสร้างสรรค์

           5. Digital Sabbath : วันพักผ่อนจากดิจิทัล เลือกเอาสักวันหนึ่งในรอบสัปดาห์ เพื่อลดหรืองดใช้งานโซเชียลมีเดีย ให้โอกาสตนเองโฟกัสกับปัจจุบัน สนทนากับคนในครอบครัว หรือกลับไปทำในสิ่งที่ตัวเองเคยละเลยไว้

 

           ว่ากันไปแล้วก็ การพักจากโลกดิจิทัลนั้นไม่ยากอย่างที่คิด ไม่จำเป็นต้องหนีเข้าป่าสถานเดียว หรือปาโทรศัพท์มือถือทิ้ง แต่สามารถเริ่มได้จากสิ่งเล็กๆ เช่น การปิดแจ้งเตือนที่ไม่จำเป็น จัดโต๊ะทำงานให้ไม่ต้องเห็นหน้าจอทีวี หรือใช้สมุดจดแทปแอปโน้ตบ้าง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ได้มีโอกาส “หายใจ” จากดิจิทัลขึ้นมาทีละน้อย

           การละเว้นจากดิจิทัล ไม่ใช่การต่อต้านเทคโนโลยี แต่คือการรู้จักใช้เทคโนโลยีอย่างสมดุล เพื่อให้ชีวิตเราไม่ถูกดูดพลังไปจนหมด การพักผ่อนจากดิจิทัลคือการคืนพื้นที่ให้ร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์ของเราให้เติบโตได้ดี

           เพราะในที่สุดแล้ว การพักผ่อนที่ดีที่สุด คือการได้อยู่กับตนเองอย่างสงบ และใช้เทคโนโลยีอย่างมีสติ

           

           

 

Reference

1 : John Winsor. (3 December 2018). To Create Meaning In The Age Of Speed, Slow Down. Forbes. To Create Meaning In The Age Of Speed, Slow Down

2 : Salisar Rungwalapad. (ม.ป.ป.). สุขภาวะดิจิทัล(Digital Wellbeing): ปรับสมดุลเวลาการใช้หน้าจอ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในปี 2024. Mobile Guardian. สุขภาวะดิจิทัล(Digital Wellbeing): ปรับสมดุลเวลาการใช้หน้าจอ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นในปี 2024


Categories

Comments
To join the comment, please sign in.
Sign in
Don’t have an account? Register
Loading comments...