Conflict Resolution – การจัดการและคลี่คลายความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์
Published: 31 July 2025
1 views

Conflict Resolution –

การจัดการและคลี่คลายความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์

 

“Peace is not the absence of conflict, it is the ability to handle conflict by peaceful means.”

“สันติภาพไม่ใช่การไร้ซึ่งความขัดแย้ง แต่คือความสามารถในการจัดการความขัดแย้งด้วยวิธีที่สงบ”

— Ronald Reagan

 

            ความขัดแย้ง เป็นธรรมชาติของสรรพสิ่งทั่วไป บางความขัดแย้งก็อาจนำไปสู่การสร้างสรรค์ได้ หากมีความเข้าใจและมีการจัดการที่ดี แต่ความขัดแย้งหากอยากจะขัดแข้งขัดขากันเกินกว่าสมควร ขาดความเข้าใจ และขาดการจัดการที่ดี ก็สามารถมุ่งทะลุประทุไปสู่ความรุนแรงบานปลายได้เช่นเดียวกัน และความเสียหายใดๆ ก็ตามที่เกิดมาจากปัญหาความขัดแย้ง ไม่ว่าจะทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม หรือการเมือง ที่อาจเกิดขึ้นมากน้อยต่างกันในแต่ละองค์กร ความขัดแย้งมีทั้งที่มีประโยชน์และไร้ซึ่งประโยชน์ หากไม่ทำความเข้าใจและบริหารได้ไม่ดี ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่มนุษย์ต้องเข้าใจและคิดว่าเป็นเรื่องธรรมชาติเป็นสิ่งที่เลี่ยงกันลำบาก ตราบใดที่ยังมีชีวิตและดำรงชีพร่วมกับบุคคลอื่นในสังคม

           ด้วยเหตุนี้ ความขัดแย้ง (Conflict) จึงเป็นสิ่งที่อย่างไรเข้าก็ต้องเจอ เพราะในชีวิตส่วนตัว หรือการเรียน + การทำงาน ย่อมพบความแตกต่างด้านความเห็น ค่านิยม เป้าหมาย หรือรูปแบบการสื่อสาร ก็สามารถเป็นจุดที่นำไปสู่ความเข้าใจผิดและการเผชิญหน้ากันได้เสมอ อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวไปว่าความขัดแย้งก็หาใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป หากสามารถ “จัดการ” และ “คลี่คลาย” ได้อย่างสร้างสรรค์ ความขัดแย้งดังกล่าวนั้นสามารถกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่นำไปสู่การเติบโต ความเข้าใจ และความร่วมมือที่ดีขึ้นได้

 

เข้าใจธรรมชาติของความขัดแย้ง

           ก่อนจะแก้ไขปัญหาใดๆ ก็ตาม อาจต้องมาทำความเข้าใจรากเหง้าของสิ่งเหล่านี้เสียก่อน ซึ่งความขัดแย้งสามารถแบ่งออกได้หลายชนิด เช่น

           - ความขัดแย้งระหว่างบุคคล (Interpersonal Conflict) : เกิดจากความไม่ลงรอยกัน หรือขาดความเข้าใจกันในระหว่างบุคคล

           - ความขัดแย้งในทีม (Intragroup Conflict) : เกิดขึ้นภายในทีมเดียวกัน เช่น แบ่งหน้าที่ไม่ชัดเจน หรือเป้าหายไม่ตรงกัน

           - ความขัดแย้งระหว่างกลุ่ม (Intergroup Conflict) : เกิดระหว่างอีกกลุ่ม/แผนก หรือองค์กรหนึ่ง เช่น การแข่งขันหรือผลประโยชน์ที่ขัดกัน

           ดังกล่าวนี้เป็นเพียงระบุคร่าวๆ ให้ผู้อ่านพอจะสามารถจับต้นชนปลายถึงระดับขั้นของปัญหาที่เกิดขึ้นได้ เพราะบางทีอาจเป็นปัญหาระหว่างกลุ่ม แต่ขาดความเข้าใจในการแบ่งระดับขั้นของปัญหา อาจทำให้เกิดความขัดแย้งกันเองภายในได้

 

จะบริหารความขัดแย้งได้อย่างไร?

           ราวปี 1970 มีผู้เชี่ยวชาญด้านการรับมือกับความขัดแย้งในองค์กรท่านหนึ่ง นามว่า เคนเนธ โธมัส (Kenneth Thomas) และ ราล์ฟ คิลแมนน์ (Ralph Kilmann) ได้เสนอแนวคิดการรับมือความขัดแย้งไว้ 5 รูปแบบที่สามารถนำไปใช้ในโอกาสที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้

           1. การปรองดอง Accommodating : เป็นการบริหารความขัดแย้งที่ฝ่ายหนึ่งต้องยอมเสียสละหรือลดความต้องการของตนเองลง เพื่อให้อีกฝ่ายบรรลุความต้องการ เหมาะสำหรับความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่คุ้มค่าหากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานาน ตัวเลือกนี้จะก่อให้เกิดความสงบขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ผู้เสียสละอาจไม่พอใจอยู่บ้างก็ตามที

           2. การหลีกเลี่ยง Avoiding : เป็นการบริหารความขัดแย้งแบบไม่ทำอะไรทั้งสิ้น ใช้การนิ่งเฉยสยบปัญหาโดยไม่ตอบโต้ โดยมากจะเป็นปัญหาที่ไร้สาระจนเสียเวลาถ้าหากเข้าไปยุ่ง แต่แม้ว่าจะดูเป็นวิธีที่ง่ายและไม่ต้องลงแรงอะไรมาก แต่ถือเป็นวิธีที่ได้ผลน้อยที่สุด เนื่องจากปัญหาจะยังไม่ได้รับการแก้ไข จนอาจกลับทวีความร้ายแรงได้

           3. การประนีประนอม Compromising : เป็นการบริหารความขัดแย้งที่หาจุดร่วมความพึงพอใจของทั้งสองฝ่าย หรือเป็นการรับมือแบบพบกันครึ่งทาง โดยทั้งสองฝ่ายจำเป็นต้องลดความต้องการของตัวเองลงจนหาข้อยุติได้ แต่ก็อาจเกิดเหตการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายไม่พอใจทั้งคู่ได้เช่นเดียวกัน

           4. การแข่งขัน Competing : เป็นการบริหารความขัดแย้งที่ตรงข้ามกับการประณีประนอมอย่างสิ้นเชิง คือการเปิดโอกาสให้คู่ขัดแย้งแสดงออกมาถึงความต้องการเพื่อเอาชนะคู่แข่งได้ เป็นการทำให้ฝ่ายหนึ่งอยู่เหนือฝ่ายหนึ่งเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง แต่ก็นับว่าไม่ใช่แนวทางที่เหมาะสมมาก จึงต้องระวังเป็นพิเศษหากต้องการแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้

           5. การให้ความร่วมมือ Collaborating : เป็นการแก้ปัญหาที่สามารถดำเนินไปในระยะยาวได้ โดยการเปิดโอกาสให้ทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนและสื่อสารกันอย่างจริงใจถึงประเด็นปัญหาทีเกิดขึ้น แล้วหาทางออกร่วมกันที่สบายใจทั้งสองฝ่าย อย่างไรก็ตามเป็นวิธีการที่ต้องใช้ระยะเวลาและความร่วมมือเป็นอย่างสูงถึงจะผ่านไปได้

 

           เกี่ยวกับเรื่องนี้ หากผู้อ่านสนใจเรื่องการสื่อสารในสถานการณ์ที่ตึงเครียด ขอแนะนำหนังสือ Crucial conversations : tools for talking when stakes are high ของ Kerry Patterson โดยสามารถเข้ามาอ่านได้ที่สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี [สืบค้นได้ที่ลิงก์นี้]

 

           เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว พอจะเข้าใจได้ว่า “ความขัดแย้ง” ไม่ใช่ปัญหา แต่เป็น “โอกาส” ที่จะทำให้เติบโตขึ้นในฐานะปัจเจก ทีม หรือองค์กร การเรียนรู้ที่จะจัดการกับความขัดแย้งด้วยทักษะ ความเข้าใจ และความเคารพซึ่งกันและกัน คือทักษะที่สำคัญของศตวรรษที่ 21 และนับเป็นรากฐานของความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนได้อีกด้วย

 

 

 

Reference

1 : ReaganFoundation. (9 May 1982). Ronald Reagan Quotes. Peace is not the absence of conflict, but the ability to cope with conflict by peaceful means. | The Ronald Reagan Presidential Foundation & Institute

2 : ธนัสถา โรจนตระกูล. (2562). การจัดการความขัดแย้งเชิงสร้างสรรค์. วารสารวิชาการ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์. 6(2). 69-83. https://so05.tci-thaijo.org/index.php/hssnsru/article/download/241594/164374/831640

3 : Sahatorn Petvirojchai. (12 July 2021). Conflict Management คืออะไร จัดการอย่างไรเมื่อพนักงานขัดแย้ง. HREX.asia. Conflict Management คืออะไร จัดการอย่างไรเมื่อพนักงานขัดแย้ง


Categories

Comments
To join the comment, please sign in.
Sign in
Don’t have an account? Register
Loading comments...