Cloud Computing: ก้าวสำคัญสู่ทักษะฮาร์ดสกิลแห่งอนาคต
“Cloud computing is empowering; companies leveraging cloud will be able to innovate cheaper and faster.”
“Cloud computing เป็นพลังขับเคลื่อน บริษัทที่ใช้คลาวด์จะสามารถสร้างนวัตกรรมได้รวดเร็วและต้นทุนต่ำกว่าเดิม”
— Jamal Mazhar
ประโยคสำคัญข้างต้นของ ยามาล มัซฮาร ผู้ก่อนตั้งบริษัทคลาวด์โซลูชันอย่าง Kaavo ได้สะท้อนให้เห็นว่า ระบบ Cloud Computing ไม่ได้เป็นเพียงระบบเก็บข้อมูล แต่นับเป็นตัวเร่งให้ธุรกิจและบุคคลทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและคิดค้นสิ่งใหม่ได้ง่ายขึ้น ใครที่มีทักษะดังกล่าวนี้ นับเป็นยุคทองที่เขาจะมีโอกาสช่วยองค์กรลดค่าใช้จ่ายและสร้างความแตกต่างในตลาดมากขึ้น
แน่นอนว่า เมื่อเข้าสู่ยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างหมุนไปหมุนมาอย่างรวดเร็วจนน่าใจหาย เทคโนโลยีกลายเป็นรากฐานสำคัญของทุกสายอาชีพ หนึ่งในเทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลังงานออนไลน์ทั้งหลายแหล่ แอปพลิเคชันอีกมากล้น นั่นก็คือ Cloud Computing หรือ “การประมวลผลแบบคลาวด์” แม้ชื่ออาจจะฟังดูซับซ้อนเกินไปหรือเปล่า แต่หากปุถุชนคนทั่วไปพอจะมีความรู้เบื้องต้นในด้านนี้ไว้บ้าง จะพบเลยว่าไม่ใช่เรื่องไกลตัวแต่อย่างใด ขณะเดียวกันยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการพัฒนาทักษะ Hard Skill ที่ตลาดแรงงานต้องการอย่างมากมายในปัจจุบัน
ว่าด้วยเรื่อง Cloud Computing
พูดกันในแง่ของความหมาย Cloud Computing ให้หมายความได้ว่า เป็นโมเดลหรือโครงสร้างในการให้บริการทรัพยากรทางด้านเทคโนโลยีเพื่อการคำนวณทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงได้ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยผู้ให้บริการจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเป็น Data Center ที่ประกอบด้วย Cloud Server ที่ซับซ้อนจำนวนมาก การใช้งานจะเปรียบเสมือนการใช้งานคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งที่ผู้ใช้สามารถทำงานได้จากทุกที่บนโลก เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต ซึ่งแตกต่างจากคอมพิวเตอร์ทั่วไปคือการใช้งานที่มีขีดจำกัดสูงกว่า ทำให้มีความเร็ว ปลอดภัย และสะดวกมากยิ่งขึ้น
ส่วนการให้ความหมายอย่างง่าย คือ ให้ลองจินตนาการว่าเราเก็บไฟล์เอกสารหรือภาพถ่ายไว้ในคอมพิวเตอร์ส่วนตัว แต่คอมพิวเตอร์มีพื้นที่จำกัดและไม่สามารถเปิดดูไฟล์จากที่อื่น นี่คือข้อจำกัดแบบเดิมที่ Cloud Computing เข้ามาแก้ปัญหา คลาวด์นั้นให้ความหมายถึงการใช้เซิร์ฟเวอร์และระบบจัดเก็บข้อมูลที่เชื่อมต่อผ่านอินเทอร์เน็ต ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลหรือโปรแกรมได้ทุกที่ทุกเวลาโดยไม่ต้องพกเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวไปด้วย
ตัวอย่างของการใช้คลาวด์ก็เป็นอันเช่น Google Drive, Dropbox, iCloud หรือแม้กระทั่ง Netflix ทั้งหมดนี้เกิดจากการที่ข้อมูลและการประมวลผลถูกจัดการในระบบคลาวด์ ไม่ได้อยู่ในคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของใคร
ประเภทของ Cloud Computing
แม้การพูดถึงเรื่อง คลาวด์ จะดูเป็นเรื่องซับซ้อน แต่เราสามารถสรุปออกมาได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ที่เข้าใจได้ง่าย ดังนี้
1. IaaS (Infrastructure as a Service) : คือ การเช่าโครงสร้างพื้นฐานไอที เช่น เซิร์ฟเวอร์ พื้นที่เก็บข้อมูล และเครือข่าย เหมือนเป็นการเช่าห้องเซิร์ฟเวอร์ออนไลน์แทนการซื้อเครื่องจริง องค์กรไม่ต้องลงทุนสิ่งเหล่านี้เอง สามารถขยายได้ง่ายตามการเติบโตขึ้นขององค์กร เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง เช่น Amazon Web Services (AWS) และ Microsoft Azure
2. PaaS (Platform as a Service) : ส่วนนี้เป็นการเช่า “แพลตฟอร์ม” สำหรับพัฒนาแอปพลิเคชัน โดยผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเรื่องการติดตั้งระบบปฏิบัติการหรือดูแลเซิร์ฟเวอร์ ผู้ให้บริการจะเตรียมพื้นฐานต่างๆ เหล่านี้ไว้ให้ใช้ต่อยอดได้เลย พื้นฐานทั้ง Hardware, Software และชุดคำสั่ง เช่น Google App Engine นักพัฒนาจะโฟกัสไปที่เฉพาะการเขียนโค้ด
3. SaaS (Software as a Service) : คือ ซอฟต์แวร์ที่ใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ตโดยไม่ต้องติดตั้งลงเครื่อง โดยประมวลผลบนระบบของผู้ให้บริการ ทำให้ไม่ต้องลงทุนในการสร้างระบบคอมพิวเตอร์ ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์เอง ไม่ต้องพะวงเรื่องค่าใช้จ่ายในการดูแลระบบ เพราะซอฟต์แวร์จะถูกเรียกใช้งานผ่าน Cloud จากที่ไหนก็ได้ เช่น Gmail, Zoom หรือ Microsoft 365 ซึ่งเป็นสิ่งที่หลายคนใช้อยู่ทุกวัน
แล้วทำไมต้องหันมาสนใจทักษะ Cloud Computing?
ว่าด้วยการเรียนรู้เรื่อง Cloud Computing ไม่ได้ค่าจะต้องเป็นมนุษย์สายไอทีเท่านั้นที่จะต้องรู้ หากแต่ถ้าคนทั่วไปนำไปต่อยอด ล้วนเป็นประตูสู่การเพิ่มมูลค่าในทุกสายอาชีพ เช่น
- ตอบโจทย์การทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว : องค์กรต่างๆ ใช้คลาวด์เพื่อรองรับการทำงานแบบรีโมต ลดต้นทุน และเพิ่มความปลอดภัย ผู้ที่มีความเข้าใจเรื่องคลาวด์ จะปรับตัวได้เร็วในสภาพแวดล้อมการทำงานยุคใหม่
- สร้างโอกาสอาชีพและรายได้สูง : ความต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านคลาวด์ เช่น Cloud Engineer, Cloud Architect, DevOps Engeneer กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และได้รับค่าตอบแทนสูงในตลาดโลก
- ทักษะต่อยอดได้หลากหลาย : คลาวด์เป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ เช่น AI, Big data, IoT การเข้าใจคลาวด์จึงเป็นก้าวแรกสู่ทักษะที่ล้ำสมัย
ตามที่กล่าวมา เห็นจะเป็นที่ไม่สามารถปฏิเสธลงได้ ว่า Cloud Computing ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป แต่มันคือเครื่องมือสำคัญที่กำหนดอนาคตการทำงานในทุกอุตสาหกรม การเข้าใจพื้นฐานของคลาวดจึงเป็นก้าวแรกที่เปิดประตูสู่โลกของนวัตกรรม และหากต่อยอดจนเชี่ยวชาญ มันจะกลายเป็น Hard Skill ที่เพิ่มคุณค่าให้กับตัวเองอย่างมหาศาล เริ่มต้นวันนี้ด้วยการลงจัดระเบียบไฟล์งานตนเองใน Google Drive ลองศึกษาจากแหล่งเรียนรู้ต่างๆ และจะพบว่า สายงานเทคโนโลยี ไม่ได้ยากอย่างที่ใครคิดกัน
Reference
1 : Softura. (n.d.). 5 Reasons to Move to the Cloud Computing in 2024. Top 5 reasons to Move to the Cloud Computing in 2024
2 : NIPA Cloud. (8 July 2021). Cloud Computing คือ? สำคัญอย่างไรและทำหน้าที่อะไรในธุรกิจ?. Cloud Computing คือ? สำคัญอย่างไรและทำหน้าที่อะไรในธุรกิจ?
3 : คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น. (ม.ป.ป.). Cloud Computing คืออะไร?. Cloud Computing คืออะไร?
4 : Gable. (ม.ป.ป.). Cloud Computing คืออะไร? สำคัญอย่างไรต่อธุรกิจในยุคดิจิทัล. Cloud Computing คืออะไร? สำคัญอย่างไรต่อธุรกิจในยุคดิจิทัล
Categories
Hashtags