2025: การพัฒนาตนเองไม่ใช่เรื่องเดิมอีกต่อไป
เล่าสู่กันฟังก่อนกับผู้อ่านสักนิดหน่อยว่า ที่ผ่านมาเวลาตอนที่ตนเองได้เดินสำรวจร้านหนังสือ ด้วยความที่มักเป็นคนอ่านหนังสืออยู่เป็นประจำ ยามเมื่อเข้าร้านหนังสือ ย่อมจะเห็นหนังสือหลายเล่มวางแผงอยู่ตามตามชั้นวาง พอเมื่อเดินเข้าไปดูที่ตั้งหน้าร้าน ก็มักเป็นหนังสือแนว Self Improvement เสียส่วนใหญ่ (หรือก็คือหนังสือพัฒนาตัวเอง) โดยมีหลากหลายสำนักพิมพ์แตกต่างกันไป ผมเองก็เป็นอ่านหนังสือแนวนี้อยู่มิใช่น้อย และก็ย่อมเป็นประโยชน์สำหรับทุกคนที่เมื่อได้ลองอ่านแล้ว นำความรู้ที่ได้ไปลงมือทำ
หากได้ไปมองก็จะเห็นหนังสือแนวๆ นี้เด่นชัดยิ่งกว่าหนังสือแนวอื่น จะมีน้อยมากที่ร้านหนังสือชื่อดังตามห้างจะเปิดหน้าร้านโดยให้หมวดวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือนิตยสารอื่น มาตั้งวางโชว์ให้คนทั่วไปได้หยิบอ่าน
เมื่อสำรวจดูให้ลึกมากยิ่งขึ้น ก็เริ่มเห็นผู้เขียนอีกหลายคนที่ก็มีหนังสือต่างกันหลายปก บ้างก็เขียนหลายเล่ม มองไปก็จะมีอย่าง อดัม แกรนท์ (Adam Grant) – เจ้าของหนังสือ Think Again, Give and Take, Original และอีกหลายๆ เล่ม โดยเล่มล่าสุดอย่าง Hidden Potential ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดี หรือ เว็กซ์ คิง (Vex King) – เจ้าของหนังสือ Good Vibes, Good Life, Things no One Taught Us About Love และอีกหลายๆ เล่ม
ที่จะกล่าวคือ สามารถเห็นได้โดยประจักษ์ว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยนั้นให้ความสนใจกับศาสตร์การพัฒนาตัวเองกันมากขึ้น หรือก็คือคนไทยต่างเริ่มให้ความสนใจในการพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้นโดยเริ่มต้นที่การหาความรู้นั่นเอง
ทั้งนี้ ในบทความที่กำลังอ่านอาจไม่ได้ออกมากล่าวถึงหรือเป็นการรีวิวหนังสือ แต่จะพูดถึงแนวทางการพัฒนาตนเองที่เปลี่ยนแปลงไปในยุคที่มีการผันผวนกระแสกันอย่างรุนแรง ซึ่งผู้เขียนได้มีโอกาสอ่านบทความชิ้นหนึ่ง ที่เกี่ยวกับการเติบโตของแต่ละคนในปี 2025 ว่าจะก้าวกันต่อไปอย่างไรได้บ้าง ซึ่งเขียนโดยคุณ นาตาลยา เปียร์มยาโควา (Natalya Premyakova) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการ และโค้ชด้านการออกแบบ ได้เขียนไว้บนเว็บไซต์ Medium ในหัวข้อ The Future of Personal Growth in 2025: What’s Next? ซึ่งน่าสนใจและควรค่าแก่การนำมาแบ่งปันให้กับผู้อ่านในบทความนี้
โดยเริ่มแรก นาตาลยา ได้ยืนยันอย่างชัดเจน ว่าการเติบโตนั้น ไม่ใช่ทางเลือก หากแต่มันคือสิ่งที่จำเป็น ไม่ว่าจะอยู่ในที่ทำงาน หรือในจุดไหนก็ตาม เราต่างอยู่ในโลกที่กำลังเคลื่อนที่เร็วเกินกว่าที่เราจะหยุดอยู่กับที่ โดยตั้งคำถามว่า วิธีการพัฒนาตนเองแบบเดิมๆ อาจไม่ช่วยอะไรได้มากเท่าไหร่แล้ว โดยได้พูดต่อถึงแนวทางการเติบโตให้ก้าวกระโดดมากยิ่งขึ้นในปี 2025 ว่าควรจะทำอย่างไรกันต่อไม่ให้ไหลลงสู่เหวในอนาคต โดยมีคำแนะนำดังนี้
1. เติบโตด้วยพลังแห่งปัญญาประดิษฐ์ : ให้ลองนึกภาพว่า เรามีผู้ช่วยอยู่ติดกับเราตลอดเวลา 24 ชั่วโมงในทุกๆ วัน เป็นผู้ช่วยที่ถ้าคุณใช้งานเป็น มันจะรู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณ และสามารถให้คำแนะนำที่ปรับมาเฉพาะสำหรับตนเองได้ ซึ่งนี่ก็คือพลังของ AI ที่ก้าวล้ำไปข้างหน้าโดยสามารถเติบโตไปพร้อมๆ กับเราได้
โดยที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้คือ เรามักใช้ AI ในการตอบคำถามที่จู่ๆ ก็พาสงสัยมาเท่านั้น โดยมากแล้วยังดึงประโยชน์ออกมาได้ไม่มาก ซึ่งเรื่องนี้ก็ต้องฝึกฝนวิธีการใช้งานเอไออย่างไรให้ดึงประสิทธิภาพออกมาให้ได้
2. การเลิกฝืนตัวเอง : วัฒนธรรมการทำงานแบบฝืนตนเอง คือสิ่งที่ควรจะหมดไปในปี 2025 ควรโอบรับแนวคิดการทำงานอย่างบาลานซ์หรือการทำงานด้วยความสมดุลมากยิ่งขึ้น สมดุลทั้งสุขภาพกายและใจ การเปลี่ยนแปลงนี้อาจไม่ใช่การลดปริมาณให้น้อยลง หากแต่ให้กลับมาสังเกต และลงมือทำในสิ่งที่มีความหมายจริงๆ มากกว่าลิสต์งานที่ทำยังไงก็ไม่มีทางจบสิ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการการหมดไฟในที่สุด
3. เรียนรู้ผ่านการทดลอง : เข้าสู่ปี 2025 การเติบโตของแต่ละคนไม่ควรจะเป็นแผนการที่ตายตัวอีกต่อไป แต่การเติบโตคอการทดลอง และปรับเปลี่ยนตลอดเวลา ซึ่งก็คือเปลี่ยนวิธีการพัฒนาตนเองอยู่เป็นระยะ หากวิธีใดที่ไม่เหมาะสมก็ไม่ควรจมปลักกับวิธีนั้นอีกต่อไป
4. เติบโตด้วยกับการเชื่อโยง : ก่อนหน้านี้ การพัฒนาตนเองอาจหมายถึงการเดินทางด้วยตัวคนเดียว แต่ในปี 2025 อาจไม่ควรเป็นเช่นนั้นอีกต่อไป การพัฒนาส่วนบุคคลก็ควรเบ่งบานในระดับชุมชนหรือที่กว้างกว่านั้นมากขึ้นด้วย ที่ให้แต่ละคนได้แบ่งปันความรู้ ความร่วมมือ สร้างแรงบันดาลใจให้กันและกัน
เกี่ยวกับขั้นนี้ ผู้อ่านสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ที่หนังสือ Give and Take ของ Adam Grant ได้ที่สำนักสอสมุด มหาวิยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี [สืบค้นได้ที่นี่] และคุณจะแปลกใจในพลังของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
5. การเติบโต ไม่มีวันสิ้นสุด : อันที่จริงก็คือ การเติบโตคือกระบวนการตลอดชีวิต ไม่มีเส้นนชัย (และนั่นก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว) แนวทางในปี 2025 ล้วนสะท้อนความจริงในข้อนี้ที่ว่า หากย้อยไปสัก 10 ปีที่แล้ว แนวทางพัฒนาตนเองก็อาจไม่ได้เหมือนแบบที่เป็นนี้ และในอีก 10 ปีหน้า ก็อาจเปลี่ยนไปอย่างไม่เหลือเค้าโครงเดิมอยู่เลยก็ได้ จึงควรกลับมาเช็คเป็นระยะและปรับเปลี่ยนเป้าหมายของตนเองอยู่เสมอ
เมื่อมาถึงจุดนี้ อนาคตของการเติบโตส่วนบุคคลหาไม่ใช่เรื่องของความสมบูรณ์แบบ แต่ล้วนคือความก้าวหน้า ปี 2025 เราพบเครื่องมีที่ชาญฉลาดมากขึ้นอย่างระบบปัญญาประดิษฐ์ กลุ่มคนที่คอยสร้างแรงบันดาลใจ (หาใช่บันดาลโทสะ) และอิสระภาพทางการเติโตให้เหมาะกันตัวของแต่ละคนไป
Reference
1. Natalya Permyakova. (16 January 2025). The Future of Personal Growth in 2025: What’s Next?. Medium. The Future of Personal Growth in 2025: What’s Next? | by Natalya Permyakova | Change Your Mind Change Your Life | Medium
Categories
Hashtags