รหัสแห่งรัก : วิทยาศาสตร์เบื้องหลังความเป็นแม่
Published: 31 July 2025
5 views

รหัสแห่งรัก : วิทยาศาสตร์เบื้องหลังความเป็นแม่

           


ด้วยเรื่อง “ความเป็นแม่” หาใช่เพียงบทบาททางสังคม หากแต่เป็นกระบวนการที่ฝังรากทางชีววิทยาที่ลึกซึ้งด้วย รวมถึงความผูกพันอันฝังรากลึกในสมองของมนุษย์ วิทยาศาสตร์สมัยใหม่ได้เผยให้เห็นว่า เมื่อสตรีคนหนึ่งได้ผันตัวเป็นมารดา ระบบร่างกายและสมองของเธอจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าทึ่ง ทั้งในด้านฮอร์โมน โครงสร้างสมอง รวมถึงระดับเซลล์ที่ลึกที่สุด เนื้อหาดังกล่าวนี้จะพาผู้อ่านไปสำรวจแต่ละแง่มุมว่า “ความเป็นแม่” ผูกพันกับวิทยาศาสตร์อย่างไรบ้าง


ฮอร์โมนแห่งสายใย – Oxytocin

              หนึ่งในฮอร์โมนที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในกระบวนการเป็นแม่นั้นคือ ออกซิโทซิน ซึ่งมักได้รับสมญานามว่า “ฮอร์โมนแห่งความรัก” หรือ bonding Hormone ออกซิโทซินถูกผลิตจากสมองส่วนไฮโปทาลามัส และหลั่งออกมาผ่านต่อมใต้สมองส่วนหลัง ฮอร์โมนนี้มีบทบาทในช่วงเวลาสำคัญของการเป็นแม่ ไม่ว่าจะในขณะคลอดลูก การให้นม หรือแม้กระทั่งเมื่อลูกส่งเสียงร้อง

           เมื่อผู้หญิงคลอดลูก ร่างกายจะหลั่งออกซิโทซินจำนวนมาก เพื่อช่วยกระตุ้นการหดตัวของมดลูก หลังจากคลอดแล้ว ฮอร์โมนนี้ก็ยังคงทำหน้าที่กระตุ้นการหลั่งน้ำนม และที่สำคัญคือ ช่วยเสริมสร้างสายสัมพันธ์ทางอารมณ์ระหว่างแม่กับลูก การสบตา สัมผัส และเสียงร้องของลูก ล้วนกระตุ้นให้แม่หลั่งออกซิโทซินเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้รู้สึกอยากปกป้อง และตอบสนองต่อลูกโดยสัญชาตญาณ

           ด้วยเหตุนี้ ระดับออกซิโทซินในมารดาที่มีความผูกพันแน่นแฟ้นกับลูก มักจะสูงยิ่งกว่าคนทั่วไป และยังส่งผลให้เกิดพฤติกรรมการเลี้ยงดูที่อบอุ่นและตอบสนองได้ดีมากขึ้น


สมองของผู้หญิง เปลี่ยนไปแค่ไหนหลังคลอด

           การเป็นแม่ไม่ใชแค่เรื่องของภาระผูกพันธ์ หรือเรื่องของจิตใจเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการเปลี่ยนแปลงทาง โครงสร้างสมอง อย่างมาก มีงานค้นพบว่า สมองของผู้หญิงจะเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญหลังการตั้งครรภ์และคลอดลูก โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรับรู้อารมณ์ การเห็นใจผู้อื่น และการตัดสินใจ

           ได้มีงานวิจัยจากวารสาร Nature Neuroscience หัวข้อ Pregnancy leads to long-lasting changes in human brain structure พบว่า สมองของคนเป็นแม่มีการเปลี่ยนแปลงในปริมาตรของเนื้อสมองสีเทา ซึ่งสัมพันธ์กับการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลลูก เช่น การจดจำใบหน้าของลูก การอ่านอารมณ์จากเสียงร้อง หรือการตอบสนองความต้องการของลูก การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วคราว แต่จะอยู่เป็นระยะเวลาหนึ่งหลังคลอดบุตร

           สิ่งที่น่าสนใจคือ สมองแม่ไม่ได้เสื่อม แต่เป็นการปรับตัวให้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางมากขึ้น เหมือนกับการปรับตัวของนักกีฬาที่ฝึกฝนเฉพาะทาง สมองของแม่จึงกลายเป็น “เครื่องมือ” ที่ทรงพลังในการเลี้ยงดูมนุษย์คนหนึ่ง


เซลล์ของลูกในร่างแม่ ปรากฏการณ์ Micro chimerism

           ปรากฏการณ์ Micro chimerism เป็นหนึ่งในปรากฏการณ์ที่เซลล์ของลูกยังคงอยู่ในตัวแม่แม้จะคลอดออกมาแล้ว และอาจอยู่นานราวสิบปี

           ระหว่างตั้งครรภ์ เซลล์ของเด็กทารกสามารถเดินทางผ่านรกเข้าสู่กระแสเลือดของแม่ และฝังตัวอยู่ในอวัยวะต่างๆ เช่น หัวใจ ปอด สมอง หรือแม้แต่ผิวหนัง ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ “ร่องรอยทางชีววิทยา” เท่านั้น แต่ยังอาจมีบทบาทในการรักษาเนื้อเยื่อหรือฟื้นฟูอวัยวะบางส่วน

           มีการค้นพบเพิ่มเติมด้วยว่า เซลล์ของลูกสามารถเปลี่ยนรูปไปเป็นเซลล์คล้ายกับของแม่ เพื่อช่วยซ่อมแซมความเสียหาย เช่น เซลล์หัวใจของลูกอาจเข้าไปช่วยซ่อมหัวใจของแม่ที่บาดเจ็บ และในบางกรณี ยังตรวจพบ DNA ของลูกชายในสมองของมารดาอีกหลายปีหลังคลอด ซึ่งเป็นสิ่งที่ชี้ให้เห็นเลยว่า ความเป็นแม่ ไม่ได้จบลงหลังจากคลอดบุตรเท่านั้น แต่เป็นสิ่งที่ฝังรากอยู่ในร่างกาย ระดับเซลล์ และอาจเชื่อมโยงถึงการดูแลกันระหว่างแม่-ลูกไปตลอดชีวิต


           จากแต่ละหัวข้อขางต้น ทราบได้เลยว่าความเป็นแม่คงไม่ใช่แค่หน้าที่ แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ จิตใจ และชีววิทยาที่มีความลึกซึ้ง วิทยาศาสตร์ช่วยให้เราต่างเข้าใจว่า เหตุใดแม่จึงพร้อมอดนอนเพื่อกล่อมลูก เหตุใดแม่จึงรู้สึกผูกพันแม้เพียงเสียงร้อง และเหตุใดแม่จึง “มีลูกอยู่ในตัว” แม้เวลาจะผ่านไปนาน

           เพราะในท้ายที่สุด ความรักของแม่จึงไม่ใช่แค่ความรู้สึก แต่เป็นเรื่องของระบบการทำงานในสมอง ฮอร์โมน และเซลล์ที่ถูกออกแบบมาให้ “เป็นแม่” อย่างแท้จริง และสิ่งนี้เองที่ทำให้ความรักของแม่กลายเป็นหนึ่งในความรักที่ยั่งยืน




Reference

1 : โรงพยาบาลเพชรเวช. (11 มีนาคม 2563). เมื่อสมองเกี่ยวข้องกับความรัก. เมื่อสมองเกี่ยวข้องกับความรัก

2 : Elseline Hoekzema, Erika Barba-Müller, Cristina Pozzobon, Marisol Picado, Florencio Lucco, David García-García, Juan Carlos Soliva, Adolf Tobeña, Manuel Desco, Eveline A Crone, Agustín Ballesteros, Susanna Carmona & Oscar Vilarroya. (2017). Pregnancy leads to long-lasting changes in human brain structure. Nature Neuroscience, 20(2). 287-300. https://doi:10.1038/nn.4458

3 : Hannah Thomasy. (22 July 2024). A Stranger to Oneself: The Mystery of Fetal Microchimerism. The Scientist. A Stranger to Oneself: The Mystery of Fetal Microchimerism | The Scientist

4 : Children’s Hospital Los Angeles. (15 October 2015). Fetal Microchimerism: What Babies Leave Behind. Fetal Microchimerism: What Babies Leave Behind | Children's Hospital Los Angeles


Categories

Hashtags

Comments
To join the comment, please sign in.
Sign in
Don’t have an account? Register
Loading comments...