ผู้นำยุคใหม่ : ไม่ใช่แค่ออกคำสั่ง แต่คือผู้สร้างแรงบันดาลใจ
“A leader... is like a shepherd. He stays behind the flock, letting the most nimble go out ahead, whereupon the others follow, not realizing that all along they are being directed from behind
"ผู้นำ... เปรียบเสมือนคนเลี้ยงแกะ เขาจะยืนอยู่ด้านหลังฝูง ปล่อยให้ตัวที่คล่องแคล่วที่สุดออกไปข้างหน้า จากนั้นตัวอื่น ๆ จะตามไป โดยที่พวกเขาไม่รู้เลยว่าตลอดเวลานั้น พวกเขากำลังถูกนำทางจากด้านหลัง"
– Nelson Mandela
วลีฮิตติดปากตลอดกาลหนึ่งของอดีตประธานาธิบดีผิวสีคนแรกของประเทศแอฟริกาใต้ และเป็นบุคคลสำคัญที่โลกให้การขนานนามว่า “หนึ่งในผู้นำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก” มิหนำซ้ำว่าในปี ค.ศ. 1993 แมนเดลาเองยังได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ จากการพยายามหล่อหลอมประชาชนทุกเชื้อชาติและสีผิวเข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน
ว่ากันด้วยเรื่อง “ผู้นำ” เข้าใจในความหมายโดยทั่วไปได้ว่า บุคคลที่มีความสำคัญยิ่งต่อการบริหารงานภายในองค์กรให้มีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จ อันขึ้นอยู่กับทักษะของผู้นำที่มีอยู่ในตัวของแต่ละบุคคลว่าจะสามารถนำมาใช้ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆ หรือไม่ อีกนัยหนึ่งหมายความได้ว่า ผู้นำ ก็อาจหมายถึงผู้ที่กุมชะตากรรมของเหล่าลูกน้อง หรือผู้ใต้บังคับบัญชาในองค์กร ด้วยกับการบริหารจัดการกับบุคคลเหล่านั้น ถือเป็นสิ่งที่ผู้นำจำต้องรับมือ
ด้วยเหตุนี้ การบริหารงานที่อาจตึงจนเกินไปก็ย่อมขาดสะบั้นได้ หรือหากหย่อนเกินไปก็นำไปสู่การกำกับดูแลด้วยความยากลำบาก หรือแย่ที่สุดคือไม่สามารถควบคุมได้เลย โดยเรามักพบว่าคุณสมบัติของผู้นำ ตั้งแต่ผู้นำครอบครัว ผู้นำชุมชน ผู้นำอำเภอ จังหวัด ประเทศ หรือองค์กรที่สำคัญของโลก มักมีความรู้ความสามารถ รวมถึงทักษะต่างๆ ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน เช่น การแสดงวิสัยทัศน์ ทักษะการมีส่วนร่วม ทักษะการกระจายอำนาจ ทักษะการตัดสินใจ ทักษะการสั่งการ ทักษะการสร้างความเปลี่ยนแปลง หรือแม้แต่คำว่า “ทักษะการเป็นผู้นำ”
จะนำคนได้ คุณสมบัติมีอะไรบ้าง?
คุณสมบัติที่แต่ละคนมีอยู่ซึ่งอาจไม่ต้องเหมือนกันราวแกะในฝูง เช่น ความเป็นผู้นำของนโปเลียน โบนาปาร์ต ก็ไม่ได้เหมือนกับ จอร์จ วอร์ชิงตัน หรือ ความเป็นผู้นำของอเล็กซานเดอร์มหาราช ก็ไม่ต้องเหมือนกับ เจงกิส ข่าน เป็นต้น กล่าวคือ ภาวะผู้นำก็แตกต่างกันไปตามแต่ละปัจเจก หากที่สิ่งที่จะกล่าวนั้น หมายถึงคุณสมบัติโดยภาพรวมที่ควรค่าแก่การคงไว้ของผู้นำสักคนจะต้องมี โดยอิงในงานวิจัยของ พัสกร อุ่นภาศ เรื่อง ทักษะความเป็นผู้นำแห่งอนาคต จากวารวาร Journal of Modern Learning Development Vol. 7 No.2 ฉบับเดือนมีนาคม ปี 2022 ดังนี้
1. มุ่งมั่นในการทำงาน ผู้นำจำเป็นต้องมีพลังงานในการทำงาน มุ่งมั่นสู่เป้าหมาย เพื่อขับเคลื่อนทีมให้กระตือรือร้นไปพร้อมๆ กัน
2. สื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้นำที่ดีต้องเป็นนักสื่อสารที่ดีด้วย สื่อสารได้ตรงประเด็น แม่นยำไม่อ้อมค้อม ไม่ว่าจะชมเชย วิจารณ์(ในขอบเขต หาใช่การต่อว่าจนเลยเถิดไม่) การนำพาสู่เป้าหมายขององค์กรอย่างชัดเจน และควรสื่อสารอย่างพอเหมาะพอควร มีการลำดับความสำคัญอย่างเหมาะสม
3. มอบหมายงานอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้นำต้องไม่ทำเองหมดทุกอย่าง เมื่อมอบหมายงานให้ทีมใดทีมหนึ่ง สิ่งสำคัญคือควรทำให้พวกเขารับรู้ว่าพวกเขามีความสำคัญ และรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของงานที่ได้รับมอบหมายนนั้นๆ ถือเป็นการสร้างความภาคภูมใจในตนเองให้ทีมงานได้ด้วย
4. เป็นผู้ฟังที่ดี ผู้นำที่ดีจะต้องเป็นผู้ฟังที่ดีด้วย ต้องฟังเป็นและถามเป็น เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลและเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นช่วยตอบสนองได้อย่างมีประสิทธิภาพเข้าถึงประเด็นต่างๆ ได้รวดเร็วขึ้น
5. มีระบบและระเบียบ ผู้นำที่มีระบบและระเบียบจะช่วยทำให้ทุกอย่างชัดเจนไม่วุ่นวาย ไม่สับสน ช่วยให้ทีมของตนเองสามารถปฏิบัติงานได้อย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
6. มีส่วนร่วมกับทีม การเป็นผู้นำไม่ใช่การสั่งการหรือควบคุมเท่านั้น แต่ต้องมีส่วนร่วมกับทีม โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ทีมมีปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ และที่สำคัญคือต้องแน่ใจว่าทีมเข้าใจสิ่งที่กำลังทำร่วมกัน
7. เป็นเจ้าของงาน และความรับผิดชอบ ถึงจะมีการแบ่งงานให้ลูกน้องในทีมไปแล้ว แต่ผู้นำยังคงความเป็นเจ้าของงานและความรับผิดชอบงานอย่างเต็มระบบตลอดเวลา
8. กล้าหาญและตรงไปตรงมา ผู้นำต้องกล้าเผชิญกับปัญหา กล้าพูดให้รู้ถึงจุดอ่อนของตัวเอง หรือสิ่งที่งานออกมาไม่ได้อย่างที่คาดหวัง เพื่อที่ทีมจะช่วยแก้ไขปัญหาได้ชัดเจนและไม่สับสน
9. รู้จักทีม ผู้นำต้องรู้จักจุดเด่นจุดด้อยของคนในทีม และรู้ว่ามีอะไรบ้างที่จะทำให้ทีมทำงานได้ดี ผู้นำควรจะต้องรู้ถึงชีวิตส่วนตัวลูกทีมด้วย เพราะจะช่วยให้เข้าใจและผลักดันได้อย่างเหมาะสม
10. เป็นผู้ตามที่ดี ผู้นำที่ดีจำต้องเป็นผู้ตามที่ดีด้วย โดยการให้ค่าทุกๆ คนในทีม สร้างแรงบันดาลใจร่วมกัน ส่งเสริมให้คนในทีมมีการสื่อสาร ระดมความคิดและเปิดกว้าง เพราะมิเช่นนั้นแล้ว จากคำว่า “ผู้นำ” จะกลายเป็น “ผู้บังคับบัญชา” ทันที!
ดังที่กล่าวมาข้างต้นทั้ง 10 ข้อนั้น ยังไม่เพียงพอกับการเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคตที่เข้ามารวดเร็วอย่างไม่หยุดหย่อน สิ่งที่จำต้องมีอยู่ในตัวผู้นำทุกคนเมื่อได้รับหน้าที่เข้ามากุมบังเหียนของทีมแล้วนั่นก็คือ “ภาวะผู้นำ” ของคนที่จะพาทีมของตนเองประสบความสำเร็จในอนาคต ด้วยเหตุนี้จึงขอนำหนังสือ 1 เล่มมาแนะนำผู้อ่าน คือ “ภาวะผู้นำ 5 ระดับ” ของ John C. Maxwell โดยสามารถเข้ามาลองอ่านได้ที่ Holdings: ภาวะผู้นำ 5 ระดับ =
จากทั้งหมดของบทความนี้ สรุปได้ง่ายๆ ว่าภาวะผู้นำที่ดีนั้นต้องเริ่มที่ “ทัศนคติ” ของผู้นั้นเสียก่อน เพราะหากขาดไปตั้งแต่แรก ประการอื่นๆ ตามที่ได้ลิสท์ไว้อาจไม่มาให้เห็นเลยก็ได้ กล่าวคือ เมื่อเข้ามานำคนแล้ว การพัฒนาความสามารถและความคิดของผู้นำ จำเป็นต้องไปอย่างควบคู่กันเสมอ เพื่อสร้างภาวะที่น่าเคารพ น่าเข้าหา และเป็นผู้นำที่ใครๆ ก็อยากทำงานด้วย อาจฟังดูไม่มากมาย แต่ก็ไม่ง่ายที่จะกระทำ
อยากเป็นผู้นำแบบ เนลสัน แมนเดลา, นโปเลียน โบนาปาร์ต, อเล็กซานเดอร์มหาราช, เจงกิส ข่าน หรือจะใครก็ตามแต่ (ตามความชอบของแต่ละคนไป) การพัฒนาตัวเองย่อมมาคู่กันเสมอ ฉันใดก็ฉันนั้นครับ
Reference
1 : Ilan Mochari. (6 December 2013). Mandela Saw the Wisdom in Leading From Behind Part of his legacy is knowing the difference between assertiveness and leadership. Inc.com. Mandela Saw the Wisdom in Leading From Behind
2 : BBC News ไทย. (5 ธันวาคม 2018). เนลสัน แมนเดลา : เหตุใดเขาจึงเป็นบุคคลสำคัญของโลก?. เนลสัน แมนเดลา : เหตุใดเขาจึงเป็นบุคคลสำคัญของโลก? - BBC News ไทย
3 : พัสกร อุ่นกาศ. (2022). ทักษะความเป็นผู้นำแห่งอนาคต. Journal of Modern Learning Development, 7(2). https://so06.tci-thaijo.org/index.php/jomld/article/download/255558/172184/935457
Categories
Hashtags