การเรียนรู้แบบศูนย์การเรียน: ก้าวใหม่ของการศึกษาที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง
“Education is not the filling of a pail, but the lighting of a fire.”
“การศึกษาไม่ใช่การเติมเต็มภาชนะ แต่คือการจุดไฟแห่งความใฝ่รู้”
– William Butler Yeats
ช่วงที่ผ่านมา หากได้เริ่มต้นสังเกต จะเห็นว่าสิ่งต่างๆ ในระบบการศึกษาตามแต่ละสถาบันเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนการสอนไปมากยิ่งขึ้น ไล่เรียงกันตั้งแต่ภาคอนุบาล ประถมศึกษา มัธยัมศึกษา ไปจนกระทั่งระดับอุดมศึกษา โดยสิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนมากที่สุดก็คือการเพิ่มเติมการเรียนที่เพียงแค่อยู่ในคลาสแล้วนั่งฟังบรรยายเท่านั้น ผู้เรียนก็อาจฟังบ้างไม่ฟังบ้าง หลับบ้าง หรือไม่ได้จดจ่ออยู่กับการเรียน (ผู้เขียนเองก็คงปฏิเสธลำบากอยู่กระมังว่าตนเองไม่เคยมีพฤติกรรมดังที่กล่าวมา) ไปสู่การเพิ่มเติมแนวทางที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นในการนำวิธีการต่างๆ มาบูรณาการเพื่อให้เกิดความหลายหลากในชั้นเรียน เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศความซ้ำซากจำเจไปสู่การมีสีสันมากยิ่งขึ้น แม้ของเดิมจะยังไม่หมดไป (และผู้เขียนเองก็เห็นสมควรว่าคลาสเรียนที่เป็นการบรรยายก็ยังควรมีต่อไป)
ในยุคสมัยใหม่ การจัดการเรียนการสอนล้วนมีจำนวนมากยิ่งขึ้นในด้านของวิธีการ ซึ่งโดยมากแล้วจะเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางไว้เพื่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อผู้เรียนมากที่สุด นับเป็นยุคที่องค์ความรู้ในแต่ละแขนงเปลี่ยนแปลงเร็วกว่าที่เคย การศึกษาในรูปแบบเดิมที่ผู้สอนเป็นศูนย์กลางอาจไม่ตอบโจทย์กับผู้เรียน ซึ่งหนึ่งในแนวทางที่ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ คือ “การเรียนรู้แบบศูนย์การเรียน” หรือ “Learning Center” ซึ่งเน้นการเปิดอกาสให้ผู้เรียนได้เลือก เสริมสร้างความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนาทักษะตามความสนใจของตนเอง
ด้วยกับสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น ในบทความนี้จะพาผู้อ่านไปทำความรู้จักกับการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบ ศูนย์การเรียน ว่าคืออะไรและแนวทางในการจัดตั้งโดยคร่าวพอสังเขปว่าเป็นอย่างไร
ว่าด้วยการเรียนรู้แบบศูนย์การเรียน
ในด้านของความหมาย กล่าวได้ว่า การสอนแบบศูนย์ก่ารเรียน (Learning Center) นับเป็นนวัตกรรมที่เน้นกิจกรรมการเรียนของผู้เรียน มีระบบการสอนแบบกิจกรรมกลุ่มที่จัดขึ้นในห้องตามปกติ โดยอาจแบ่งผู้เรียนออกเป็น 4-5 กลุ่ม กลุ่มละประมาณ 5-12 คน โดยจำนวนที่ไม่มากหรือน้อยจนเกินไปอยู่ที่ราว 5-8 คน ซึ่งแต่ละศูนย์จะมีสื่อการเรียนที่จัดไว้ในซองหรือกล่องวางบนโต๊ะ ซึ่งแต่ละศูนย์จะมีเนื้อหาที่แตกต่างกันออกไป ผู้เรียนจะเข้าเรียนตามศูนย์ต่างๆ ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที เมื่อเสร็จศูนย์หนึ่งก็เลื่อนไปเรียนอีกศูนย์หนึ่งเวียนไปจนครบทุกศูนย์ การสอนรูปแบบนี้จะช่วยให้บทบาทและเจตคติของผู้เรียนรวมทั้งผู้สอนแตกต่างไปจากการสอนเพียงแค่แบบการบรรยาย จะเปิดรับอะไรใหม่ๆ ได้มากยิ่งขึ้น
จะตั้งการสอนแบบศูนย์การเรียนอย่างไร?
การสอนด้วยวิธีนี้ ผู้สอนจำเป็นต้องเตรียมแผนการทำงานให้พร้อม โดยผู้สอนจะนำเนื้อหาสาระและประสบการณ์ที่ต้องการให้ผู้เรียนได้เรียนรู้มาจัดแบ่งออกเป็นหน่วยหรือเรื่องสำหรับแต่ละศูนย์ โดยขั้นตอนการจัดการเรียนการสอนรูปแบบนี้ อาจแบ่งได้โดยสังเขปที่ 5 ขั้นตอน คือ
1. ขั้นประเมินผลก่อนการเรียน : ในขั้นตอนแรกนี้ จะทำการทดสอบก่อนเพื่อวัดว่าผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่จะเรียนอยู่ก่อนแล้วมากน้อยเพียงใด โดยอาจใช้เวลาสั้นๆ สัก 5-10 นาที ซึ่งผู้สอนจะตรวจและเก็บผลเอาไว้
2. ขั้นการนำเข้าสู่บทเรียน : ด้านผู้สอนอาจใช้เวลาสัก 5-10 นาทีในการเกริ่นนำ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้เรียนต่อบทเรียน โดยอาจเล่าเรื่อง เล่นเกม หรือใช้สื่อประเภทใดก็ตามแต่ และจึงอธิบายถึงวิธีการเรียนก่อนจะให้ผู้เรียนแยกย้าย
3. ขั้นประกอบกิจกรรมการเรียน : ขั้นนี้จะแบ่งผู้เรียนออกเป็นกลุ่มตามจำนวนกิจกรรม แต่ละกลุ่มอาจคละกันระหว่างคนที่มีความสามารถมากกับน้อย หรืออาจแบ่งตามความสะดวกของผู้เรียน (ก็คือการให้เด็กจับกลุ่มกันเอง) แล้วจึงปล่อยผู้เรียนเข้าตามศูนย์กิจกรรม สั่งปฏิบัติกิจกรรมตามลำดับขั้น หมุนเวียนจนครบทุกศูนย์ ทั้งนี้อาจจัดตั้งศูนย์กิจกรรมสำรองสำหรับรองรับกลุ่มที่สำเร็จกิจกรรมก่อนกำหนด
4. ขั้นสรุปบทเรียน : หลังจากผู้เรียนปฏิบัติกิจกรรมครบทุกศูนย์แล้ว ผู้สอนจะสรุปบทเรียนเพื่อให้เกิดความเข้าใจกระจ่างชัดมากยิ่งขึ้น
5. ขั้นประเมินผลการเรียน : ผู้สอนจะให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบเพื่อวัดผลการเรียนซึ่งเป็นแบบทดสอบชุดเดียวกับที่ให้ทำก่อนเรียน นำคะแนนสอบก่อนเรียน และหลังเรียนมาเปรียบเทียบกันเพื่อทราบความก้าวหน้าในการเรียน
ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เห็นว่ากระบวนการต่างๆ เป็นไปอย่างครอบคลุมเพื่อผลประโยชน์ของตัวผู้เรียนเองทั้งสิ้น ซึ่งทำให้ทราบเลยว่า การเรียนรู้แบบศูนย์การเรียน ถือเป็นก้าวสำคัญของการพัฒนาการศึกษาในยุคใหม่ที่มุ่งเน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ช่วยปลุกศักยภาพและความสามารถของแต่ละคนได้
และถึงแม้วิธีการศึกษาในรูปแบบนี้จะมีความท้าทายอยู่ไม่น้อย อย่างการต้องคิดอย่างถี่ถ้วนว่าผู้เรียนจะได้รับอะไรกลับไปจริงหรือไม่ รวมถึงว่าถ้าหากผลการทดสอบหลังเรียนกลับน้อยกว่าก่อนเรียนล่ะ จะเป็นอย่างไร แต่ทั้งหมดนี้ หากได้รับการออกแบบและดำเนินการอย่างใส่ใจ การเรียนรู้แบบศูนย์การเรียนก็นับได้ว่าเป็นประตูสู่การสร้างคนรุ่นใหม่ที่รักการเรียนรู้ตลอดชีวิต และสามารถปรับตัวได้อย่างสร้างสรรค์ในโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ
Reference
1 : Robert Strong. (15 October 2013). ‘Education is not the filling of a pail, but the lighting of a fire’: It’s an inspiring quote, but did WB Yeats say it?. The Irish Times. ‘Education is not the filling of a pail, but the lighting of a fire’: It’s an inspiring quote, but did WB Yeats say it? – The Irish Times
2 : Narong Kanchana. (ม.ป.ป.). ศูนย์การเรียน. skruteachingmethods.blogspot.com. วิธีสอน (Teaching Methods): ศูนย์การเรียน
3 : นุชษนัย แม่บุญเรือน. (2555). ผลการเรียนรู้ด้วยชุดการสอนแบบศูนย์การเรียนกับการสอนแบบปกติ วิชาศิลปะ เรื่องทัศนธาตุ สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 [การค้นคว้าอิสระปริญญามหาบัณฑิต, มหาวิทยาลัยศิลปากร]. sure.su.ac.th. ผลการเรียนรู้ด้วยชุดการสอนแบบศูนย์การเรียนกับการสอนแบบปกติวิชาศิลปะเรื่องทัศนธาตุสำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
4 : rawadee. (4 กรกฎาคม 255). การสอนแบบศูนย์การเรียน. GotoKnow. การสอนแบบศูนย์การเรียน - GotoKnow
Categories
Hashtags