ศาสตร์แห่ง Lighting Design: รู้จักกับผศ.ดร. จรรยาพร สไตเลอร์
Published: 16 March 2025
6 views

ศาสตร์แห่ง Lighting Design: รู้จักกับผศ.ดร. จรรยาพร สไตเลอร์

 


แสงสว่างไม่เพียงช่วยให้เรามองเห็น

แต่ยังมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาวะ การพัฒนาเมือง และความปลอดภัย


ร่วมเปิดโลกการออกแบบแสงสว่างกับ ผศ.ดร. จรรยาพร สไตเลอร์ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีและหัวหน้าศูนย์วิจัยนวัตกรรมการส่องสว่าง ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้าน Lighting Design เพื่อทำความเข้าใจถึงการออกแบบแสงในพื้นที่สาธารณะ การพัฒนาอัตลักษณ์ของเมือง และการดูแลสุขภาพผ่านแสงที่เหมาะสม

 

แนะนำตัวและสิ่งที่กำลังดำเนินการ

อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการออกแบบ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และเป็นผู้รับผิดชอบหลักสูตรบัณฑิตศึกษาของคณะสถาปัตย์ โดยมีปริญญาโทและก็ปริญญาเอก ส่วนตัวเชี่ยวชาญทางด้าน Lighting Design และทำ Lighting Design Research เป็นหัวหน้าศูนย์วิจัยและนวัตกรรมการส่องสว่าง (LRIC)



งานวิจัย / โครงการที่กำลังดำเนินการอยู่

จะมีอยู่สองทีมหลัก ๆ ที่เสร็จไปแล้วพยายามผลักดันให้สามารถเอาไปใช้จริง จะเป็นเรื่องของการวิจัยเพื่อสร้างอัตลักษณ์ของเมือง คือ Urban Lighting เช่นเมืองท่องเที่ยว แล้วก็ที่จบไปแล้วจะเป็นการสร้างอัตลักษณ์ยามค่ำคืนของเกาะรัตนโกสินทร์ซึ่งมีความร่วมมือกับทางกทม.ด้วย แล้วปัจจุบันพยายามผลักดันให้ทางกทม.เป็นเจ้าภาพและหาช่องทางเพื่อให้ถูกนำไปใช้ 

อีกส่วนนึงจะเป็นการศึกษาวิจัย ว่าสำนักงานแห่งอนาคต future workplace หลังจากโควิดได้เปลี่ยนรูปแบบการทำงานไปแล้ว ทีนี้สถานที่ทำงานหลักควรเปลี่ยนไปอย่างไรและแสงสว่างที่เหมาะสมกับรูปแบบการทำงานใหม่ ๆ ควรจะเป็นอย่างไร 





อาจารย์คิดว่าองค์ความรู้ด้านแสงสว่างนี้มีผลกระทบอย่างไรต่อสังคม

ความจริงแล้ว มีความสำคัญในทุกมิตินะคะ มิติที่ 1 เรื่องใกล้ตัว คือ สุขภาพและสุขภาวะ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่ค่อนข้างใหม่ในวงการ Lighting Design เมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา นักวิจัยพบว่าในตาของมนุษย์มีเซลล์รับแสงที่มีบทบาทในการควบคุมการหลั่งของฮอร์โมนและการทำงานหลาย ๆ อย่างในร่างกาย ซึ่งการรับแสงประเภทนี้ต้องอาศัยการออกแบบแสงสว่างที่เหมาะสม คือ การพิจารณาสเปกตรัมของแสงที่ช่วยให้เซลล์รับแสงสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและควบคุมการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ

มิติที่ 2 คือ ความปลอดภัยในการใช้งาน โดยเฉพาะในสถานที่ทำงานหรือมหาวิทยาลัย การออกแบบแสงสว่างที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจน แต่ยังมีผลต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และสามารถช่วยป้องกันอุบัติเหตุได้

มิติที่สามคือ การพัฒนาเมืองและเศรษฐกิจ การออกแบบแสงในพื้นที่สาธารณะและเมืองมีผลต่อความปลอดภัยในการเดินทาง การส่งเสริมการใช้ขนส่งสาธารณะ และยังช่วยพัฒนาการท่องเที่ยว ซึ่งสามารถสร้างรายได้และส่งเสริมเศรษฐกิจในพื้นที่นั้น ๆ นอกจากนี้ การออกแบบแสงในเมือง (Urban Lighting) ยังต้องคำนึงถึงการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ปัญหาแสงรบกวน (Light Pollution) ที่อาจส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิต



อาจารย์คิดว่าการแบบถ่ายทอดองค์ความรู้นี้ ส่งผลต่อการพัฒนานักศึกษาหรือว่าคนอื่นอย่างไรบ้างคะ  

คิดว่าสำคัญมาก เพราะตามที่กล่าวคือมีผลตั้งแต่ตัวเอง ปัจจุบันจะเห็นว่า นักเรียน นักศึกษาจะมีปัญหาเรื่องความเครียดนะคะ มีปัญหาที่เป็นทางใจมากขึ้น จึงงานวิจัยที่ศึกษาเรื่องแสงสี จะช่วยลด stress อย่างไงได้บ้าง

ผลกระทบของแสงต่อสุขภาวะไม่ใช่เพียงแค่ในขณะที่เราพักอยู่ในอาคารเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของการรับแสงตลอด 24 ชั่วโมง

เพราะฉะนั้นถ้านักศึกษามีองค์ความรู้ตรงนี้ ก็สามารถปรับพฤติกรรมการรับแสงให้สอดคล้องกับระบบที่ร่างกายเรามันถูกวิวัฒนาการมา ซึ่งสิ่งนี้จะช่วยเรื่องของสุขภาวะที่ดีของเขาเอง อีกด้านหนึ่งคือการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เป็นวิชาชีพได้ ซึ่งยังไม่ได้มีการเรียนการสอนหรือการทำวิจัยมากนักโดยเฉพาะในศาสตร์แขนงนี้ 

 



ไฟ LED เป็นตัวเลือกที่ยั่งยืนในทุกมิติ จริงหรือไม่?

มีทั้งจริงและไม่จริงค่ะ  

ที่จริงก็คือ มีประสิทธิภาพสูงขึ้น มีอายุยาวนานขึ้น อันนี้คือในทางทฤษฎี ความจริงแล้ว LED เป็นแหล่งกำเนิดแสง ยังต้องผ่านขั้นตอนอีกมากมาย ไปจนถึงกว่าที่เราจะเอาไปใช้ในอาคารหรือนอกอาคาร เช่น เอาไปใส่ในโคม โคมติดตั้งอย่างไร ติดตั้งผิด ใช้เทคนิคผิด ก็ทำให้เกิด Light Pollution ได้ และหากติดตั้งผิดหรือว่าคุณภาพโคมไม่ดี น้ำเข้าไป อาจไม่ได้อายุยืนแบบ 50,000 ชั่วโมงอย่างที่ควรจะเป็น


ถ้ามองในมุมสุขภาวะ แสงสีฟ้าจากอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ถือเป็นแสงที่ควรหลีกเลี่ยงใช่หรือไม่?

หากเป็นตอนเย็นหรือตอนกลางคืนแสงใด ๆ ก็ไม่ดีทั้งนั้น เพียงแต่ว่าแสงสีฟ้าจะแย่กว่าแสงอื่นหลายเท่า โดยแสงสีฟ้าเป็นสเปกตรัมคลื่นแสงที่มีความยาวคลื่นประมาณ 400 นาโนเมตร ซึ่งในแสงธรรมชาติก็มี เพราะฉะนั้นในระหว่างวันที่เราใช้ชีวิตอยู่เราก็ได้รับแสงสีฟ้าตลอดเวลาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า เรื่องของการรับแสง จะมีเวลาของมัน ซึ่งช่วงเช้าจนถึงบ่ายเป็นเวลาที่เราควรได้รับแสงสีฟ้า เพราะแสงสีฟ้าจะช่วยกระตุ้นการทำงานของฮอร์โมน เช่น ฮอร์โมนคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการตอบสนองต่อความเครียดและความตื่นตัว ในขณะที่ตอนเย็นและกลางคืน ฮอร์โมนเมลาโทนินที่ช่วยในการนอนหลับจะเริ่มหลั่งเพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างมีคุณภาพ หากเราได้รับแสงสีฟ้าหรือแสงที่ไม่เหมาะสมในช่วงเวลานี้ จะยับยั้งการหลั่งของเมลาโทนิน ทำให้เรานอนหลับได้ยากขึ้น 


เพราะฉะนั้นคำตอบคือ ควรดูแลการรับแสงใน 24 ชั่วโมง ให้เหมาะสมกับเวลา 


หากมีผู้ที่สนใจติดตามผลงานหรือโครงการของอาจารย์เนี่ยสามารถติดตามได้ทางช่องทางไหนได้บ้างคะ

ทาง Facebook ของแล็บ Lighting Research and Innovation Center และ Website หากสนใจอยากทราบเรื่องการออกแบบแสงสว่างมากขึ้น ก็เชิญชวนมาร่วมงานเสวนา Insight Series เรื่อง Beyond Life ค่ะ ขอบคุณค่ะ 

 




Comments
To join the comment, please sign in.
Sign in
Don’t have an account? Register
Loading comments...