เนื่องใน 50 ปี สหกรณ์ออมทรัพย์ มจธ.
จากพลังแห่งความร่วมมือของคนกลุ่มเล็ก ๆ ที่มีใจเดียวกันในการบุกเบิกก่อตั้งสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงและความยั่งยืนให้กับทุกคนชาวมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จนถึงทุกวันนี้ที่สหกรณ์ออมทรัพย์ มจธ. ดำเนินการมาครบ 50 ปีแล้ว อดย้อนคิดไปถึงวันวานครั้งก่อนเมื่อตอนก่อตั้งไม่ได้ว่า เริ่มต้นผ่านเรื่องราวความท้าทายมาอย่างไร...
ตัวผู้เขียนเองได้ค้นคว้าประวัติมหาวิทยาลัยผ่านหนังสือครบรอบ 30 ปี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (ชื่อเดิมของ มจธ.) พบว่า ในช่วงที่เริ่มต้นสหกรณ์ออมทรัพย์ มจธ. ใน พ.ศ. 2518 เป็นช่วงที่ใกล้เคียงกับการเริ่มต้นของสภาคณาจารย์และพนักงาน มจธ. โดยเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจเช่นเดียวกันและมีวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้น คือ ข้าวสารราคาแพง ดังนั้น การก่อตั้งหน่วยงานทางการเงินเพื่อชาว มจธ. คงจะมีความท้าทายต่าง ๆ ในวันที่ 30 กันยายน 2568 ช่วงเวลา 12.30 น. จึงได้มีโอกาสพูดคุยสัมภาษณ์กับอาจารย์คนสำคัญท่านหนึ่งที่ร่วมสมัยตั้งแต่เริ่มวิทยาลัยเทคนิค ธนบุรี (สถานะแรกเริ่มของ มจธ.) อาจารย์สุรพงษ์ วาตะบุตร
ผู้บุกเบิกในวิทยาลัยเทคนิค ธนบุรี
อาจารย์สุรพงษ์เล่าว่า ท่านเข้ามาสอนที่วิทยาลัยเทคนิค ธนบุรี ตั้งแต่ที่เริ่มแรก เข้ามาดูที่ทางในสมัยนั้น คือ พ.ศ. 2502 อาจารย์เคารพนับถือในตัวอาจารย์ประภา ประจักษ์ศุภนิติ ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิค ธนบุรี ท่านแรกเป็นอย่างมาก พวกท่านเดิมสังกัดมาจากวิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพฯ แล้วย้ายตามมายังจังหวัดธนบุรี (ขณะนั้นธนบุรียังเป็นต่างจังหวัด) จะถือว่า บริเวณนี้เป็นพื้นที่ทุรกันดารก็ได้ เพราะถนนยังไม่มี น้ำประปายังเข้าไม่ถึง ต้องโดยสารมาทางเรือเท่านั้น ข้างทางเต็มไปด้วยเทือกสวนไร่นา เริ่มแรกวิทยาลัยเทคนิค ธนบุรี เปิดสอนสาขาของ 4 ช่าง ได้แก่ ก่อสร้าง ไฟฟ้า ยานยนต์ โลหะ
ฉายา 'เสี่ย' ต้องยกให้
เราจะเปิดสอนอยู่แล้วแต่เรายังไม่มีอะไรเลย ท่านจึงเป็นผู้สนับสนุนสำคัญ "..ผมลากรถยนต์เก่ามาให้ช่างยนต์ศึกษา ผมจัดหาสังกะสีรางน้ำมาให้งานอุตสาหการ ผมซื้อสายไฟมาให้ช่างไฟฟ้า สำหรับโยธาในสาขาของผมก็ต้องสร้างทางสร้างถนนคอนกรีตเข้าสถาบัน โครงสร้างหอประชุม เริ่มแรกเลย คือ การรับผิดชอบออกแบบและสร้างโต๊ะเรียน" โต๊ะเรียนที่ว่านี้ คือ โต๊ะเรียนชุดแรกของวท.ธ. เรา ขนาด 60x40 เซนติเมตร เป็นขาเหล็ก ส่วนเก้าอี้ อาจารย์ได้รับแนวคิดจากอ.ประภาว่า ให้ออกแบบขาเก้าอี้อย่างใดก็ได้ ให้ทนทานต่อการใช้งานของนักเรียน ที่มักจะชอบนั่งโยกเหลือเพียงสองขาในการรับน้ำหนัก ออกแบบให้ทนทานต่อการใช้งาน นั่งได้นาน อาจารย์สุรพงษ์จึงออกแบบเสริมเหล็กที่ขาเก้าอี้ มีพนักพิงโค้งเว้ารับสรีระซึ่งถือว่าล้ำสมัยในขณะนั้น นอกจากนั้นท่านก็เป็นคนแรกที่มีรถจี๊ปขับมาวิทยาลัยและทยอยรับนักศึกษาเข้ามาที่วิทยาลัยด้วย
ภูมิหลังของท่านก็ไม่ใช่ผู้ที่เริ่มต้นด้วยความมั่งคั่งร่ำรวยแต่ด้วยความมีหัวทางด้านค้าขาย ท่านเริ่มกิจการของตัวเองตั้งแต่ 8 ขวบปี ที่ซื้อของในราคาถูกมาและขายไปในราคาที่แพงกว่า จนกระทั่งเป็นหนุ่มใหญ่ ท่านรับแลกเช็คเป็นเงินสดในราคาที่หักดอกเบี้ยสูงกว่าธนาคาร ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนมีประสบการณ์ในการลงทุนที่ดินอสังหาริมทรัพย์
บรรยากาศในการพูดคุยสัมภาษณ์ในวันที่ 30 ก.ย. 68 เวลา 12.30 น.
(จากซ้ายไปขวา คุณปณัฏฐพร มีชัย, อ.สุรพงษ์ วาตะบุตร, ผศ.สนั่น สระแก้ว, และ รศ.จำรูญ ตันติพิศาลกุล)
ผู้บุกเบิกและผู้สนับสนุนสหกรณ์ออมทรัพย์
อาจารย์สุรพงษ์ร่วมเข้าเป็นสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ มจธ. ตั้งแต่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2518 หมายเลขสมาชิกลำดับที่ 28 (ขณะนี้สามพันกว่าแล้ว) อาจารย์เล่าว่า เศรษฐกิจในประเทศไทยช่วงเวลานั้นเรียกได้ว่า "หัวเลี้ยวหัวต่อ สถาบันเราไม่ได้มีเงินทุนมากนัก แต่มีสมาชิกถึงร้อยกว่าคน จริง ๆ ผมไม่ได้อยากเข้ามาร่วมในทีแรก แต่อาจารย์สันติท่านชักชวนเข้ามาเป็นกรรมการสหกรณ์ฯ" ขณะนั้นทุนสหกรณ์มีเพียงหลักหมื่น ไม่ได้มีสภาพคล่องเงินทุนมากเหมือนทุกวันนี้ เมื่อมีผู้ที่เบิกเงินมาก หรือกู้เงินสหกรณ์ อาจารย์ก็ต้องคอยนำเงินออกจากธนาคารศรีนคร (สโลแกนธนาคารชื่อดังสมัยนั้น คือ เมียคือศรีบ้าน ธนาคารคือศรีนคร) มาฝากเข้าในสหกรณ์ออมทรัพย์เพื่อให้เกิดสภาพคล่อง จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงเช้าเบิกเงินจำนวนมากต้องมารับในช่วงบ่าย เพราะเบื้องหลังในช่วงแรก ๆ อาจารย์สุรพงษ์คอยนำเงินส่วนตัวมาฝากเสริมให้ อาจารย์เล่าต่อว่า "ห้องทำงานในสหกรณ์ออมทรัพย์นั้นเดิมทีเป็นห้องเล็ก ๆ เพียงหนึ่งห้องเท่านั้น" แต่ก็คงรูปแบบการให้บริการหลักเหมือนทุกวันนี้ทุกอย่าง ทั้งการฝาก ถอน สินเชื่อ จะประชุมครั้งหนึ่งแม้แต่ค่าน้ำดื่มเจ็ดสตางค์อาจารย์ก็ยังออกเงินเลี้ยง มีอะไรให้ช่วยเหลืออาจารย์สนับสนุนอยู่เบื้องหลังอย่างเต็มที่ หลังจากที่อาจารย์เกษียณอายุราชการในปี 2556 ท่านมีเงินเก็บสะสมถึงหลักหลายสิบล้าน พอที่จะใช้จ่ายหลังเกษียณไปได้สบาย ๆ แต่ท่านก็ได้รับการร้องขอให้อยู่ช่วยสอนด้านวิชาก่อสร้างต่ออีกปีหนึ่ง และยังคงเป็นที่ปรึกษาให้สถาบันอื่นบ้าง สอนหนังสือบ้าง นอกจากนี้ท่านยังรักษาสุขภาพด้วยการเล่นกีฬาอย่างแบดมินตันและว่ายน้ำอีกด้วย
ฝากถึงคนรุ่นถัดไป
อาจารย์สุรพงษ์แนะนำให้กรรมการสหกรณ์ในปัจจุบันพยายามรักษาเงินทุนของสมาชิกไว้ เพราะถ้ารั่วไหลออกไปที่อื่นจะเสียโอกาส ไม่ควรหวงอัตราดอกเบี้ยจนเกินไป คนที่ให้มากสมควรได้มากตาม สำหรับการใช้ชีวิต ท่านเน้นย้ำเรื่องความมานะ ความตั้งใจ การคว้าโอกาส และไม่ย่อท้อ แต่ก็เชื่อเรื่องวาสนาและไม่ให้ฝืนชะตา ให้ลองทำดูก่อน ถ้าใช่สิ่งที่เราทำได้ เราถนัด เงินจะหมุนเวียนเข้ามาเอง ถ้าไม่ใช่ก็อย่าเสี่ยงฝืนวาสนาไป
ปัจจุบันอาจารย์อายุ 91 ปีแล้ว ท่านยังคงสุขภาพแข็งแรง ลุกเดินได้ พูดคุยเรื่องราวความทรงจำเก่า ๆ กับเรา ผู้เขียนขอขอบคุณสหกรณ์ออมทรัพย์ มจธ. ที่เชิญเข้าไปร่วมสัมภาษณ์เพื่อเก็บเกี่ยวเนื้อหามาจัดทำเป็นส่วนหนึ่งในข้อมูลประวัติของมหาวิทยาลัย ตลอดจนข้อมูลของบุคคลสำคัญในอดีต
สามารถอ่านเพิ่มเติมได้
ความเป็นมาสหกรณ์ออมทรัพย์ มจธ. (กำลังอยู่ในช่วงจัดทำหนังสือรวบรวมประวัติเพิ่ม)
วิวัฒนาการ มจธ. บันทึกจากบุคคลร่วมสมัยอาจารย์เอมอร ศรีนิลทา
หนังสือ 30 ปี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (2503-2533)
อ้างอิง
(สุรพงษ์ วาตะบุตร, บุคคลสำคัญในอดีต, 30 กันยายน 2568).
Categories
Hashtags