สรุปเนื้อหาการสัมภาษณ์ อ.สุชาติ เพริดพริ้ง
เนื่องใน 50 ปี สหกรณ์ออมทรัพย์ มจธ.
ย้อนกลับไปก่อนการก่อตั้งราว 2 ปี (ช่วง พ.ศ. 2516) ช่วงเวลานั้นสมาชิกในมหาวิทยาลัยต้องเผชิญความยากลำบากในการบริหารจัดการหนี้สิน หลายคนต้องกู้ยืมเงินในสภาพไม่เป็นธรรม อาจารย์ และกลุ่มคณาจารย์จึงริเริ่มแนวคิด "เราน่าจะมีสหกรณ์เป็นของตัวเอง" นำไปสู่การล่ารายชื่อผู้ร่วมก่อตั้ง 100 คน และเชิญ ดร.ไพบูลย์ ที่ขณะนั้นท่านเพิ่งกลับจากต่างประเทศมารับตำแหน่งประธาน ที่ประชุมแรกจัดขึ้นในอาคารไม้หลังเก่า ในห้องเรียน 107 โดยมีเจ้าหน้าที่จากกรมส่งเสริมสหกรณ์เข้าร่วมให้คำแนะนำ การดำเนินการเริ่มต้นด้วยความตั้งใจและบรรยากาศเฮฮา แม้ไร้เบี้ยประชุม แต่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจเพราะเชื่อในเป้าหมายเดียวกัน
ยุคแห่งการเติบโตและบริหารงานแบบพี่น้อง
สหกรณ์ในยุคแรกถูกขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ทั้งเรื่องเงินกู้และการออม เริ่มมีการเลือกตั้งคณะกรรมการ โดยไม่มีการหาเสียง ผู้ที่พูดเก่งหรือกล้าตอบคำถามมักได้รับเลือกด้วยเสียงปรบมือจากสมาชิก การบริหารงานยังเรียบง่าย เช่น การเลือกตั้งจะเวียนเปลี่ยนกรรมการปีละ 6 คน และมีการจับสลากออกในชุดแรก แม้จะไม่มีสำนักงานเป็นหลักแหล่ง แต่สมาชิกใช้พื้นที่ด้านบนของสำนักงานอธิการบดีและห้องประชุมเก่าเป็นสถานที่ทำงาน ก่อนจะค่อยๆ พัฒนาโครงสร้างองค์กรอย่างจริงจัง
ยุควิกฤติ: ดอกเบี้ยสูง การลงทุน และบทเรียนจากความไว้ใจ
ยุคกลางของสหกรณ์ออมทรัพย์ตรงกับก่อนช่วงฟองสบู่เศรษฐกิจไทย พ.ศ. 2540 สหกรณ์มีเงินไหลเวียนสูง ดอกเบี้ยเงินกู้พุ่งแตะระดับ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ทำให้เงินปันผลสูงมากจนสมาชิกบางคนถึงกับซื้อรถเก๋งได้จากเงินปันผลเพียงปีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม ความเจริญเติบโตกลับนำไปสู่ความเสี่ยง การนำเงินไปลงทุนในสหกรณ์อื่นทำให้มีเสียงเรียกร้องให้ถอนสมาชิกภาพจำนวนมาก และส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในวงกว้าง เช่น สหกรณ์คลองจั่น การบินไทย
เทคโนโลยีเปลี่ยนผ่าน: จากมือเขียนสู่ดิจิทัล
ก่อนมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทุกธุรกรรมของสหกรณ์ออมทรัพย์ มจธ. เราถูกจัดการด้วยมือ ตั้งแต่การบันทึกข้อมูลสมาชิก พิมพ์ใบฝากเงิน ไปจนถึงการคำนวณดอกเบี้ย ทุกอย่างดำเนินด้วยความแม่นยำของ “มนุษย์” และ “สมุด” เท่านั้น ต่อมาจึงเริ่มใช้ระบบฐานข้อมูลพื้นฐาน เช่น โปรแกรมดีเบส และพัฒนาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์เต็มรูปแบบ
การปฏิรูปสมัยใหม่: โปร่งใสและกระจายอำนาจ
การเปลี่ยนแปลงทางกฎหมายในภายหลัง เช่น กฎให้เว้นวรรคการดำรงตำแหน่ง และการควบคุมดอกเบี้ยไม่ให้เกิน 10% เป็นความพยายามของภาครัฐในการลดความเสี่ยงจากการผูกขาดและปกป้องผลประโยชน์ของสมาชิก แม้จะมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก เช่น การที่เจ้าหน้าที่ลาออกพร้อมกันเป็นจำนวนมาก จนเหลือเพียงคนเดียวทำงานอยู่ แต่สหกรณ์ก็ยังสามารถผ่านวิกฤตนั้นมาได้ด้วยความร่วมมือของสมาชิกและแนวทางการบริหารที่เน้นความโปร่งใส
ก้าวสู่อนาคต: ด้วยรากฐานแห่งความร่วมมือ
สหกรณ์ออมทรัพย์แห่งนี้ไม่ได้เกิดจากเงินทุนมหาศาล หรือระบบที่ซับซ้อน แต่เกิดจากพลังของคนธรรมดา ที่รวมใจกันแก้ไขปัญหาในชีวิตประจำวัน วันนี้สหกรณ์ไม่เพียงเป็นแหล่งเงินทุน แต่ยังเป็นเครื่องมือสร้างความมั่นคงให้กับสมาชิก และสะท้อนจิตวิญญาณของ มจธ. ที่ไม่ทิ้งกัน
“จากบทสนทนาในห้องเล็กๆ สู่การเป็นองค์กรที่เติบโตมาครบ 50 ปี สหกรณ์แห่งนี้เป็นมากกว่าสถาบันทางการเงิน — มันคือเครื่องยืนยันถึงพลังของความร่วมมือที่แท้จริง”
สัมภาษณ์โดย ผศ. สนั่น สระแก้ว
ถอดเสียงโดย Transkriptor สรุปโดย ChatGPT เขียน prompt และปรับเนื้อหาโดย อารยา ศรีบัวบาน
Categories
Hashtags